วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559



ตู้
 ตู้ในที่นี้คือการใส่ของเข้าไปในร่างกายของคน เช่นเสกหนังควายเข้าท้อง ก่อนหน้าจะเล่าขอบอกคาถาแก้ตู้สักหน่อย ผมจะไม่ขอเขียนคาถาตู้นะครับ เพราะมันอันตราย ขอเขียนคาถาแก้ตู้ดีกว่า
________________________________.
คาถาแก้ตู้ 
อุ่งสะเหล่สหลา มหาปังกี อุ่งเล็กๆ เพ็กๆ แก่ยอออแอ่ อุ่งเล็กหาเพ็กแหล่ อุ่งกะตือ กะตือ อุ่งสว่าลูสว่า
คาถาแก้โรคตาแดง บทที่ ๑
อุ่งสว่าลูสว่า อุ่งส่อส่อ อุ่งซักซัก อุ่งยะวะ ละ สวาหายะ
คาถาแก้โรคตาแดง บทที่ ๒
อุ่งพิสตะ อุ่งพิสต่ำ อุ่งนะแหย่ กุ่งสว่า ฮุ่ง ฮุง มาอุ๊ พุทธัง อุ่งสวาะ
คาถาจักเข็บขบ
อุ่งนะ  อุ่งนา  อุ่งลว่าลว่า  สวาหายะ  สวาหับ
คาถาเรียกคุณไสยออกจากตัว
โอม จิตตา ปิยัง มัยหัง สัพพธนัง ธสังทาสีลัง ราชากันมาวี อิตฺถีวา ตุเลวา สมเตหิวา พันนิ สันตุ
คาถากันกระทำ
นะพุทธังปิด นะธัมมังปิด พระสังฆังปิด 
พระเจ้าแผลงฤทธิ ปิดทวารทั้งเก้า 
หน้ากูเป็นหนัง หลังกูเป็นกระดูก 
คุณทำมิถูก นะโมพุทธายะ
คาถาป้องกันคุณไสย (กันยาพิษ ยาสั่ง)
เมสัมมุขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขา
คาถาถอนโบสถ์ถอนสีมา
สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ
สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน
ธาเลื่อน ยะหลุดลอย



________________________.
………คำว่า ตู้ ในภาษาล้านนามิได้แปลว่าเครื่องเรือนที่ทำขึ้นเพื่อใส่สิ่งของหรือเสื้อผ้า แต่เป็นเรื่องของการทำร้ายผู้อื่นด้วยไสยศาสตร์ที่มีผลรุนแรง จนถึงแก่ความตายได้ ตัวอย่างเช่น การเสกหนังวัวหรือหนังควายที่แห้งให้เข้าไปอยู่ในท้องของคน ซึ้งหนังที่แห้งก็จะไปขยายพองตัวอยู่ในกระเพาะ ในลำไส้ ทำให้ผืที่ถูกทำร้ายได้รับความเจ็บปวดทรมาน ปวดที่บริเวณช่องท้องอยู่ตลอดเวลา หากเป็นหนังชิ้นโตก็ย่อมทำให้ตายได้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเสกตะปูให้เข้าไปอยู่ในท้อง ครั้งละ ๔-๕ ดอก ซึ่งผู้ที่ถูกกระทำจะมีอาการปวดเจ็บบริเวณช่องท้อง 
………การกระทำด้วยไสยเวทดังกล่าวแม้แต่ในโลกที่เจริญแล้วอย่างปัจจุบัน การตู้ก็ยังปรากฏว่าเกิดขึ้นให้รู้ให้เห็นกันอยู่ ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง โดยการนำฟิล์มเอกซเรย์มาลงให้เห็นว่ามีตะปูอยู่ในท้อง และอย่างเมื่อหลายปีการมีสามเณรจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกคนทำร้ายด้วยการตู้ เสกตะปูขนาดยาว ๓ นิ้ว ให้เข้าไปอยู่ในช่องท้องจำนวนหลายดอก มีอาการเจ็บปวด เมื่อให้หมอพื้นบ้านมารักษาด้วยการทำให้ฤทธิ์ของไสยศาสตร์เสื่อมลง จึงถ่ายตะปูออกทางทวารหนัก อีกทั้งมีเรื่องเล่าลือกันว่าเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน คณะแพทย์ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิคเชียงใหม่ ก็ผ่าตัดได้ไม้กลัดหลายอันและมีเส้นผมพันอยู่ออกมาจากช่องท้องผู้ป่วย
………ทั้งนี้ การตู้หรือกระทำด้วยอาคมดังกล่าวมิอาจกระทำได้พร่ำเพรื่อ เพราะทางอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชามีข้อห้ามว่า ถ้าบุคคลอื่นได้ทำความเจ็บช้ำในใจให้จนน้ำตาตก คือการทำให้เสียใจจนร้องไห้ถึง ๓ ครั้ง จึงอาจจะพิจารณากระทำด้วยคุณไสยดังกล่าวได้ และผู้ที่รู้วิชาดังกล่าวนี้มักปกปิดไว้มิให้คนอื่นรู้ จึงทำให้หาข้อมูลได้ยาก และกล่าวกันว่าพวกกะเหรี่ยงเป็นผู้รู้วิชานี้
กล่าวกันว่า ในการตู้นั้นจะทำในเวลากลางคืน ผู้ตู้จะนำชิ้นหนังซึ่งอาจเป็นหนังสดหรือหนังแห้งก็ได้ อาจจะเป็นตะปู หรือไม่กลัดอย่างที่ใช้กลัดกระดาษกลัดกระทงที่มัดติดกันเป็นกลุ่มก็ได้ เมื่อนำมาวางไว้ต่อหน้าแล้วเริ่มเสกด้วยอาคมจนได้ที่แล้ว หนังหรือตะปูนั้นก็จะกลายเป็นแมลงภู่บินไปสู่บุคคลเป้าหมาย ซึ่งเมื่อใดบุคคลเป้าหมายเผลอก็จะเข้าไปสู่ร่าง แต่หากบุคคลเป้าหมายนอนอยู่ในมุ้งแล้ว แมลงภู่อาคมก็ไม่อาจเข้าสู่ร่างของบุคคลเป้าหมายได้ และมันจะบินกลับ ซึ่งหากผู้ตู้ไม่ระวังตัวแล้ว ตนเองอาจกลายเป็นผู้ถูกกระทำเสียเองก็ได้ ดังนั้นผู้ตู้จะต้องไม่เข้านอนจนกว่าจะแน่ใจและจะต้องระวังตัวอีกด้วย

………การตู้นั้นมีหลายวิธีหลายแบบ ตามแต่ละสำนักได้คิดค้นวิธีได้สำเร็จ ด้วยวิธีส่งเป็นแมลงภูนั้นเป็นสากล ผู้ตู้ส่วนใหญ่จึงมักจะให้วิธีนี้ แต่การบ่อยของตามลมตาอากาศก็เป็นการตู้ โดยนำหนังสดหรือหนังแห้ง ตะปู ไม้กลัดนำมาเสกอาคมจนได้ที่ก็จะปลิวหายไปแทรกตมอากาศแทรกไปตามลมพัด เมื่อถึงผู้ถูกกระทำหากเผลอ ของที่แทรกลมมานั้นก็จะเข้าไปในร่างกายของผู้ถูกกระทำได้ หากแต่ว่าผู้ถูกกระทำอยู่ในศีลในธรรมกำลังปฏิบัติธรรมอย่างพากเพียรแล้ว ของนั้นอาจจะตกหล่นอยู่มิไกลผู้ถูกกระทำ แต่หากบุญญาบารมีของผู้ถูกกระทำมีมาก ของก็จะแทรกสะท้อนกับมา ผู้ตู้ต้องระวังให้มาก หรือไม่ของที่แทรกมาตามลมก็จะปลิวไปเรื่อยหาที่จะเข้าไปสู่ร่างซึ่งร่างนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นร่างที่ผู้ตู้ต้องการทำร้าย ก็ได้ เพราะผู้ถูกกระทำมีเกาะศีลธรรม บุญบารมีคุ้มกันอยู่ ของจึงหาทางแทรกไม่ได้ พอหาทางแทรกไม่ได้ก็จะไปแทรกเขากับคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง

วิธีรักษา
………เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวว่าถูกตู้ รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย ก็จะต้องไปให้หมอพื้นบ้านช่วยรักษาโดยการดื่มน้ำมนต์ เพื่อถอนหรือขับคุณไสย์ เมื่อได้รับการรักษาด้วยไสยศาสตร์ วัตถุที่อยู่ในท้องก็จะถูกขับออกมาทางทวารหนักให้เห็น หรือถูกขับให้อาเจียนออกมาก็ได้

https://montra9mahawed.wordpress.com/ตู้-คุณไสย์เสกของเข้าตั/
ทนำปำปุล (ยาเบื่อ)
__      ยาสั่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยาเบื่อ ชาวเหนือและอีสานจะรู้จักคำว่ายาเบื่อมากว่าคำว่ายาสั่ง เพราะยาเบื่อมีความหมายที่กว้างกว่ามาก ส่วนคำว่ายาสั่งจะนิยมพูดกับในแถบชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ ชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยทางภาคเหนือ
______ยาสั่ง ในภาษาเขมร ส่วย เรียกว่า ทนำปำปุลแปลตามนั้นว่า ทนำ คือ ยา ปำปุล คือ เบื่อ รวมสองคำเป็น วางยาพิษให้ตาย เพื่อจุดประสงค์หลักว่า ฆ่าคน 
ทนำปำปุล แบ่งตามการออกฤทธิ์มี ๓ กลุ่มใหญ่ๆ คือ
๑. ยาพิษกินออกฤทธิ์ทันที
๒. ยาพิษกินแล้วไม่ตายทันที
๓. ยาพิษที่ทำร้ายทางผิวหนัง
ผมจะอธิบายแต่ละชนิดอย่างคราวๆ

__________๑. ยาพิษกินออกฤทธิ์ทันที การวางคือ เขาผสมสุราให้กิน เมื่อกินแล้วก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอ กระตุกไปกระตุกมา น้ำลายฟูมปากเล็บเขียวช้ำ หากพิษนั้นมีปริมาณน้อย แต่คนมีกำลังมากอาจจะแค่วิงเวียนหน้ามืด เสียการทรงตัวก่อนแล้วจริงชะดิ้นชักดงอน้ำลายฟูมปาก แล้วจึงเสียชีวิต หมดลมหายใจ ออกฤทธิ์แบบฉับพลันทันทียาแก้มี ๕ ขนานหลังสำหรับพิษ ๕ แบบ ตามพิจารณาอาการและการถูกพิษ ว่าพิษนี้คืออะไร โดนคาถากำกับอะไร
ขนาน ๑ รากย่านางแดง (บ้านผมเรียกว่า เครือขยัน) ฝนกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มถอนพิษ
ย่านางแดง เป็นสมุนไพรถอนพิษอีกอย่างที่เป็นที่นิยมและได้ผลไม่แพ้รางจืด
ขนาน ๒ ปูนา ๓ ตัว หรือมากกว่า ใช้จำนานเลขคี่ ๓,,๙ เลือกปูอ่อนไม่นิ่มไม่มีมันปู หรือมันปูน้อยๆ และไม่ตาย ล้างให้สะอาด จุมน้ำอุ่นๆ ไม่ใช่น้ำร้อนจนปูตาย ตำให้แหลกเอาน้ำมาผสมกับขมิ้นอ้อย หรือขมิ้นหัวขึ้น โดยเอาขมิ้นนี้มาตำคั้นเอาน้ำผสมน้ำปูดิบ แล้วให้ผู้ถูกพิษดื่ม
(
สกปรกมาก อาจจะมีพยาธิใบไม้ในตับ ใช้กับยาพิษที่แปลกประหลาด ตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่พิษ มีฤทธิ์ทันที จึงให้กินยาถอนขนานนี้)
ขนาน ๓ ตะกั่ว ๑ ทองแดง ๑ ทองคำ ๑ ผงชาด ๑ ทองเหลือง ๑ ฝนกับน้ำให้ดื่ม
(
ใช้ผิดเป็นพิษเร่งตายเร็ว)
ขนาน ยาตรวจสอบพิษ ใช้เอาใบตระกูนกันแตก (ผักบุ้งใบกลม) เปรียะ กร็อง (ยอดใบกรุงเขมา) ปันลาสะเอิด (ยอดต้นหนามหัน) นำมาขยี้จะท่องมนต์ลับ ๓ บท ๓ รอบ ทาไว้บนมือ หรือโยนใส่สุรา น้ำดื่ม อาหารที่คิดว่ามีพิษ มีสองกรณีถ้าเป็นพิษตะกูลร้อนถูกยาตรวจจะเดือด ถ้าเป็นพิษตระกูลเย็นถูกยาตรวจจะร้อนกับเย็น เย็นกลับร้อน เมื่อเห็นว่ามีพิษก็หลีกเลี่ยงว่าจะกิน
ขนาน 5 ใส้ลูกฟักเขียว ๑ ขะนาน ไม่เอาเมล็ด กับยอดลูกฟักเขียว ๑ ยอด ถึง ๑ กำมือ มาคั้นน้ำไม่ผสมน้ำ คั้นน้ำให้ดื่มสดๆ จะถอนพิษบางอย่างได้




__________๒. ยาพิษที่กินแล้วไม่ตายทันที เมื่อกินยานั้นเข้าไปอาจจะสะสม หรือเร่งพิษพิษชนิดอื่น หรือชะลอพิษชนิดอื่น หรือออกฤทธิ์เมื่อกินของแสลง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ น้ำมะพร้าวอ่อน ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามการจัดสูตรของยาพิษแต่ละชนิด การออกฤทธิ์แบบเบื่อเมา มี ๒ แบบ คือ
๒.๑ แบบปริด คือ น้ำลายฟูมปาก เวียนหัว ชักดิ้นชักงอ ขากรรไกรแข็ง ผมขนเล็บหลุดล่วง
๒.๒ แบบมหาสระเนาะ (สระเนาะแปลว่าง่วงนอน ภาษาเขมรแปลว่า สนุก) คือ ง่วงอยากนอน แล้วก็ไปนอนหลับ จากนั่นก็ลืมตื่นนินทาไปจนตาย เมื่อตายผมขนเล็บก็จะหลุดล่วง แม้แต่ผมและเล็บยังตาย
ยาแก้พิษมี ๒ ขนาน หลักๆที่นิยมกัน คือ
ขนาน ๑. ปะเสิดปวงกะดอโลก (เห็ดหำพระ) คือเห็ดกลมๆ สีเหลืองๆ เล็กๆ กินดิบได้ไม่มีพิษ เอามาก้อยกับมะนาวอร่อยเวอร์ๆแถมอร่อยแปลกปะแล้มๆ เอาเห็ดนี้มาสตุด้วยการตากแห้ง ฝนกับดินสอดำ หรือถ่าน อัดเป็นแท่ง ตากแห้ง ฝนกับน้ำธรรมดา ให้คนถูกพิษดื่ม
ขนาน ๒. ระนูญ สาญ (ยอดบวบ) เด็ดด้วยอาการเสมือนตายคือไม่หายใจ พร้อมท้องคาถาไว้ในใจ เอามา ๗ ยอด โดยคาถานี้เป็นสัตตะคาถา มี ๗ วรรค วรรคละ ๑ ยอด แล้วตัดอำเปิว คเมา (อ้อยแดง) ๗ ข้อหรือ น้ำอ้อย ๗ ก้อน ใช้คาถา ๗ วรรคเหมือนกัน นำมาบดคั่นเอาน้ำผสมน้ำตาลนิดหน่อยให้กินง่ายขึ้น หากชีพจรไม่เต้นแต่ตัวยังอุ่นให้งัดปากงัดฟันกรอกยาให้กิน มีโอกาสฟื้นได้
_________๓ ยาพิษออกทางผิวหนัง เรียกว่า มหาละลูย ซึ่งแปลเป็นไทยว่า มหาเปื่อย โดยใช้การทาตามเสื้อผ้าเพื่อให้ถูกผิวหนังหรือใช้การดีดให้ถูกผิวหนัง แล้วเกิดอาการคัน เมื่อคันก็เกา เมื่อเกาแล้วก็จะเป็นรอยถลอก ยาก็จะซึ่มเข้าตามรอยถลอกนั้น เมื่อซึ่มเข้าไปแผลก็จะเปื่อย มีน้ำเหลืองไหลหยดออกมา หยดไปถูกที่ใดก็จะคันและเปื่อยพองลามไปเรื่อยๆ จนเน่าไปทั่วบริเวณ
อีกแบบหนึ่งใช้ทาบนหนามหรือเข็มวัตถุมีคมต่างๆ เช่น หนามหวาย เข็มเย็บผ้า ปลายมีด ปลายลูกดอก สันกระดาษ เพื่อให้คนที่เดินไปถูกหนามหรือโดนหนามข่วนแต่หนามอาบยาพิษไว้เมื่อข่วนแล้วก็จะเกิดอาการเป็นแผลเจ็บปวด อักเสบ เปื่อย เนาและลามไปทั่วทั้งตัว จนถึงแก้ความตายในที่สุด 

ยาแก้พิษที่ผิวหนัง
ขนานที่ ๑  ท้านให้เอาน้ำกะทิมะพร้าว ๑ น้ำนมคน ๑ เมล็ดลำโพงกาสลัก ๗ เม็ด ๑ ไข่ขาวของไข่เป็ด ๑ เอามาผสมกันใช้ทา
ขนานที่ ๒  ตะไคร้น้ำ ๑ เมล็ดมะเดื่อขื่น ๑ สารส้ม ๑ เอามาบดผสมกันใช้ทา


ยาสั่ง

__________
ยาสั่ง
  
เป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่นิยมในกันมากในหมู่ชาวเขาเผ่าต่างๆในภาคเหนือ และชาวไทย-เขมร ในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ โดยเฉพาะบริเวณอำเภอสังขะและอำเภอขุขันธ์ ในอดีตสมัยที่ยังไม่มีโรงพยาบาล และบริการสาธารณสุขแผนใหม่เข้าไปสู่ชุมชนนั้น ชาวบ้านในเขตพื้นที่ดังกล่าวจำนวนไม่น้อยที่กล่าวได้ว่าล้มตายไปเพราะถูกยาสั่ง จนทำให้เกิดความหวาดระแวงหวาดผวากันตลอดเวลา การคบหาสมาคมระหว่างกันก็ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันนี้ชาวบ้านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอีกแล้วที่จะต้องทำลายล้างกันด้วยยาสั่ง จึงได้ลดความสนใจลง และเชื่อกันว่าผู้ที่เรียนวิชาอาคมประเภทนี้จะหาความเจริญมาสู่ตนนั้นไม่ได้ มีแต่จะทำให้ชีวิตตนและครอบครัวไปสู่ความหายนะ ดังนั้นในหมู่คนรุ่นใหม่ปัจจุบันจึงมีคนเล่าเรียนวิชาเหล่านี้เป็นจำนวนน้อยที่ได้สืบต่อมาจากคนรุ่นเก่าก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักเลงอันธพาลและอีกประการหนึ่งคนรุ่นเก่าที่มีวิชาเหล่านี้อยู่ก็สำนึกได้ว่าการมีวิชาพวกนี้เป็นสิ่งไม่ดี ถ้าใช้ไม่ระมัดระวัง และดูแลรักษากิจวัตรปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏเกณฑ์ที่
กำหนดแล้ว จะเป็นอันตรายต่อตัวเอง จึงไม่นิยมถ่ายทอดให้ใครอื่นอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการบอกเล่าของชาวบ้าน พบว่าชาวบ้านยังมีความเชื่อและหวาดกลัวเรื่องนี้อยู่มาก และสามารถที่จะบอกได้ว่าใครบ้างที่มีวิชายาสั่งอยู่ในขณะนี้ จากสภาพที่พบเห็นพวกนี้จะแยกตัวเองอยู่โดดเดี่ยวจากสังคม เช่น ทำกระท่อมอยู่ตามหัวไร่ปลายนาบ้างหรือไม่ก็อยู่ห่างจากชุมชนพอประมาณ การคบหาสมาคมกับชาวบ้านอื่นๆจะมีน้อย เนื่องจากไม่มีชาวบ้านคนไหนอยากจะคบด้วย เพราะกลัวจะถูกยาสั่ง ในด้านบุคคลิกส่วนตัวก็จะดูแปลกกว่าคนอื่น คือมีความหวาดกลัว เคร่งเคียด ไม่ไว้ใจใคร มีแววตาที่บ่งบอกว่ามีอำนาจอยู่ในตัว ทำให้เกิดความน่ากลัวต่อผู้พบเห็น ส่วนการดูแลรักษาตนเองนั้นค่อนข้างจะมีน้อย จะปล่อยผม เล็บยาว และอาบน้ำไม่บ่อยนัก ดูแล้วผิดแปลกไปจากชาวบ้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีวิชายาสั่งจะเป็นแบบนี้ บางคนก็อยู่ในชุมชน คบหาสมาคมกับชาวบ้านแบบสามัญชนคนธรรมดา ไม่ผิดแปลกอะไรจากคนอื่นๆ
ประเภทของยาสั่ง
____________ยาสั่งที่ชาวบ้านเชื่อกัน และใช้ทำร้ายกันอยู่มี ๒ ประเภท คือ
____________๑. ยาสั่งชนิดที่เมื่อผู้ใดได้รับแล้วจะตายภายใน ๒-๓ ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ถ้าหากไม่สามารถเยียวยารักษาไว้ได้ทัน ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือยาพิษ หรือยาเบื่อนั่นเอง เมื่อยาสั่งเข้าไปในร่างกายของผู้ถูกใส่แล้ว ยาก็จะออกฤทธิ์ ทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ง่วงซึม อาเจียน ขบกราม นอนนิ่ง และหลับไปเลยไม่ฟื้น ซึ่งชาวบ้านจะไม่ค่อยนิยมใช้ยาสั่งประเภทนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากเรงว่าผู้ถูกใส่ยาจะสงสัย หรือล่วงรู้เพราะยาสั่งออกฤทธิ์เร็วเกินไป
____________
๒. ยาสั่งชนิดที่เมื่อรับเข้าไปแล้ว จะออกฤทธิ์หรือมีผลต่อเมื่อรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่จะทำปฏิกิริยากับยาสั่งนั้นเข้าไป จะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรนั้นแล้วแต่ผู้ที่ใส่ยาสั่งนั้นจะประสงค์ เช่น เหล้า เนื้อวัว หน่อไม้ เนื้อไก่ เป็นต้น ถ้าไม่กินสิ่งเหล่านี้เข้าไปจะไม่เกิดผลแต่อย่างใด ไม่ว่าจะนานกี่ปีกี่เดือน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะนิยมใช้ยาสั่งประเภทนี้ และเมื่อพูดถึงยาสั่งแล้วเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นยาสั่งชนิดที่ว่านี้
ลักษณะของยาสั่ง
____________ลักษณะของยาสั่งที่นิยมใช้กันมากได้แก่ ชนิดที่เป็นผงสีเทา ซึ่งประกอบไปด้วยยาหลายชนิดแล้วแต่ผู้ทำว่าจะใช้สูตรใด บางสูตรก็มี ๓ ชนิด บางสูตรก็มี ๖-๗ ชนิด ส่วนรายละเอียดของตัวยาว่ามีอะไรบ้างผสมกับอะไรนั้น ผู้เขียนไม่อาจจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวนั่นได้ ซึ่งถ้าจะเรียนรู้จริงต้องยอมตนเป็นลูกศิษย์เสียก่อน แต่อย่างไรก็ดี ตามที่พอจะเปิดเผยได้ก็พอมีอยู่ ตัวอย่างเช่น ส่วนผสมของยาสั่งประกอบด้วยพืชและสัตว์บางชนิด หรืออาจจะใช้ทั้งพืชและสัตว์ผสมกัน ส่วนที่ผสมจากพืชนั้นเช่น
____________๑. ผลของต้นสบู่ดำ
____________๒. หัวกระเทียมบดใส่ขวดฝังดินไว้เอาส่วนที่เป็นเชื้อราใช้
____________๓. รากมะกอก
____________๔. รากจำปูเม็ดสีแดงเห็ดร่างแห
____________๕. หัวต้นหนอนตายหยาก
____________๖. ฯลฯ บางชนิดใช้ลำต้นเสียบเนื้อย่างให้รับประทาน จะทำให้ผู้รับประทานนั้นนอนหลับตาย
____________ส่วนผสมที่มาจากสัตว์นั้น เช่น ดีนกยูง ดีปลาช่อน ปั๊วแดง คางคกแดง จิ้งเหลนแดง ค้างคาวแดง หนูหริ่งหรือหนูยวง หัวงูเห่า
____________นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่เป็นสารเคมี เช่น น้ำกรด ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า วิธีการปรุงยาสั่งส่วนใหญ่จะเอาส่วนผสมเหล่านั้นย่างไฟ แล้วเอามาบดรวมกัน เอาให้สัตว์กินเข้าไป เมื่อสัตว์นั้นตาย เอาสัตว์นั้นไปย่างให้กรอบ แล้วนำมาบดเป็นผง แล้วนำไปปลุกเสกตามวิธีทางไสยศาสตร์ เวลาจะสั่งให้ใครตาย ก็นำยานั่นผสมกับน้ำหรืออาหารให้ดื่มกินเข้าไป ยานั้นก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ถ้ารักษาไม่ทันก็ต้องตายในที่สุด
____________นอกจากนี้ยาสั่งยังมีลักษณะเป็นผงสีเทาดังกล่าวแล่วยังมีชนิดอื่นๆ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดผงสีแดงหรือสีอื่นๆ ตามส่วนผสมของสมุนไพร ที่ผู้ปรุงยาต้องการให้เป็นชนิดน้ำหรือชนิดผง แม้แต่ชนิดที่เป็นยางเหนียวๆ คล้ายครีมหรือวาสรีนก็มี ซึ่งแต่ละอย่างแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการใส่กับเหล้าให้กิน ก็ต้องใช้ยาชนิดผงที่มีสักษณะสีเทาคล้ายกับเหล้าสาโท และถ้าต้องการใส่กับอาหารก็อาจจะใช้ประเภทน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและโอกาสของผู้ที่จะใส่ยาสั่งนั้นต้องการอย่างไร เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วจะเห็นว่ายาสั่งนั้นมีลักษณะดังนี้
____________๑. ผง เป็นผงสีเทา หรือสีอื่นๆ ตามส่วนผสมของสมุนไพร
____________๒. เม็ด เป็นเม็ดสีเทา หรือสีอื่น ตามส่วนผสมของสมุนไพร
____________๓. น้ำ หรือยางเหนียวๆ
____________๔. เป็นส่วนผสมของของตัวยาที่ทำจากพืชและสัตว์หลายชนิดรวมๆกัน
____________๕. เป็นสารพิษในตัวเอง เป็นสารพิษในตัวเอง เมื่อกินไปแล้ว แก้ไขรักษาไม่ทันอาจถึงตายได้

วิธีใส่ยาสั่ง
____________เนื่องจากยาสั่งเป็นสารที่มีพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ได้รับสารนั้นเข้าไป การใส่ยาสั่งก็คือการทำให้ยานั้นเข้าไปอยู่ในร่างกายของผู้ที่จะถูกใส่ เช่น ใส่ปนเข้าไปกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือของกิน ของขบเคียวทุกชนิด โดยซ่อนไว้ไม้ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัว ส่วนใหญ่มักใส่ลงในเหล้า ในขณะที่นั่งดื่มด้วยกัน โดยซ่อนตัวยาไว้ที่ปลายเล็บของนิ้วโป้งหรือนิ้วหัวแม่มือ เวลารินเหล้าและยกแก้วเหล้าให้กิน ก็จะจับแก้วเหล้าแล้วถือโอกาสจุ่มปลายนิ้วหัวแม่มือลงไปในแก้ว ตัวยาก็จะละลายอยู่ในน้ำเหล้า ในกรณ๊ที่คนดื่อมเหล้าไม่ได้ หรือไม่ดื่มเหล้าก็ใส่ยาสั่งลงไปในอาหาร หรือเครื่องดื่มในขณะที่ผู้ที่จะถูกใส่ลืมตัวเผลอตัว ไม่คิดระแวงในเรื่องนี้ เมื่อใส่ยาสั่งเข้าไปในอาหารและดื่มกินเข้าไปในร่างกาย โดยส่วนใหญ่ยาสั่งจะไม่ออกฤทธิ์ทันที ซึ่งการออกฤทธิ์จะอาศัยผู้ใส่ยาจะไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยร่ายมนต์คาถา บางคนใช้หุ่นขี้ผึ่งแทนตัวผู้ถูกใส่ยาสั่งวางไว้หน้าโต๊ะพิธี แล้วเสกคาถาใส่หุ่นขี้ผึ่งนั้น ปล้วก็สั่งไปว่าจะให้ผู้ถูกใส่ยาสั่งมีอาการเป็นอย่างไร จะให้ตายเร็วหรือตาช้าๆอย่างทรมาน หรือจะให้ตายเฉพาะกินอาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดใดลงไป ซึ่งเป็นชนิดที่สั่งกำกับมากับตัวยาสั่งชนิดนั้นๆ และเมื่อผู้ถูกใส่ยาสั่งไปกินอาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดนั้นเข้าไปเมื่อใด ยาสั่งก็จะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งวันหรือหนึ่งคืนหลังจากกินอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดนั้นเข้าไป
วิธีป้องกันยาสั่งและรักษาเบื้องต้น
____________ชาวบ้านส่วนใหญ่นอกจากหมอทางไสยศาสตร์แล้ว ไม่มีใครรู้วิธีการป้องกันรักษาเมื่อถูกยาสั่งเลย แต่เชื่อกันว่ามีทางป้องกันรักษาโดยหมอไสยศาสตร์เท่านั้น ส่วนหมอแผนปัจจุบันยังไม่เชื่อว่าจะสามารถรักษาได้ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็จะทำการรักษากันเองตามแบบไสยศาสตร์ โดยคาถาอาคมควบคู่กับสมุนไพรบางชนิด ซึ่งมีทั้งชนิดต้ม และชนิดผงใส่น้ำดื่ม หลังจากดื่มแล้วก็จะถ่ายและอาเจียนออกมาหมด เหมือนกับการกินยาถ่ายและวันต่อมาก็จะหายเป็นปกติ
สำหรับตัวยาที่ใช้ป้องกันรักษาเมื่อถูกยาสั่งนั่นเท่าที่จะสังเขปออกมาได้มีดังนี้
____________๑. ป้องกันก่อนดื่มหรือกินน้ำอาหารนั้น ต้องทำการทดสอบก่อนว่าในนั้นมียาสั่งเจือปนอยู่หรือไม่ ซึ่งทำได้โดยการเอางาช้างที่ตัวมันเองไปแทงหักไว้กับต้นไม้ แล้วนำงาช้างนั่นออกมาให้อาจารย์ไสยศาสตร์ลงของหรือลงคาถาให้ ซึ่งเมื่อลงคาถาปล้วเชื่อว่าเป็นของดี ไปไหนมาไหนถือติดตัวไปด้วย เมื่อเวลาสงสัยว่าในอาหารมียาสั่งปนอยู่หรือไม่ก็ เอางาช้างนั้นจุ่มลงไปในอาหารนั้น ถ้าหากงาช้างปกติแสดงว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าหากงาช้างนั้นเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีคล้ำก็แสดงว่าในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นมียาสั่ง ก็ให้งดอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นเสย หรือหากเผลอกินเข้าไปแล้วต้องรีบไปหาหมอทางไสยศาสตร์มารักษาทันที ไม่เช่นนั้นอาจตายได้ 
__________ในบางครั้งอาจจะใชโลหะเงินตรวจดูซึ่งปกติแล้วยาพิษจะทำปฏิกิริยากับเงินเป็นสีดำคล้ำ แต่โดยการทดสอบหายาสังบางประเภทแม้จะใช้เงินตรวจ หรือตรวจด้วยวิธีอื่นแบบหายาพิษโดยทัวไปบางครั้งก็ไม่อาจจะพบได้ ยาสั่งบางชนิดไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ด้วยวิธีการหายาพิษในอาหรเช่นปัจจุบัน เห็ดพิษอาจจะตรวจสอบด้วยกระเทียมหรือข้าวสาร แต่ถ้าถูกนำมาทำเป็นยาสั่งก็ไมอาจจะจับได้ว่ามียาพิษ
___________หลักการตรวจสอบที่ตายตัวจริงๆนั้น ท่านให้ใช้จิตทีฝึกมาดีแล้ว ตรวจด้วยสมาธิ และคถกันคุณไสย์ต่างๆก็สามารถใช้จับทิศกรหาว่าในอาหารนั้น พิจารณาว่ามียาสั่งอยู่หรือไม่ก็ทำได้
____________๒. เมื่อเผลอกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มียาสั่งปนอยู่เข้าไปแล้ว ก็ให้รีบไปหาหมอทางไสยศาสตร์หรืออาจจะใช้ตัวยาสมุนไพรต่อไปนี้มาต้มกินหรือฝนกับน้ำให้กิน ซึ่งสามารถช่วยชีวิตไว้ได้เช่นกันหรืออาจจะถ่วงเวลาได้ในระยะหนึ่งกว่าจะหายาแก้ยาสั่งนั้นได้
๒.๑ ชนิดยาต้ม ปนะกอบไปด้วยสมุนไพร ๔ ชนิด และมีการเสกคาถาอาคมใส่เข้าไปด้วย ได้แก่
____________๑. สารส้มเขียว
____________๒. ต้นประเดียลกรัญ หรือโลทนงแดง
____________๓. ต้นตระยอง หรือ ประยงค์ป่า หรือพระเจ้าห้าพระองค์
____________๔. ว่านพญาขาว ทั้งตัวผู้และตัวเมีย
๒.๒ ชนิดฝนกับน้ำมี ๕ ชนิด ได้แก่
____________๑. สารส้มเขียว
____________๒. รากขปงต้นรุไร หรือเสลดพังพอนตัวผู้
____________๓. ต้นและรากของรุกัด
____________๔. รากของต้นตะขบ หรือตะขบ
____________๕. พระเจ้าห้าพระองค์
๒.๓ ชนิดว่าน ใช้ใบว่านจืด หรือ รางจืด ประมาณ ๑๒ ใบ ตำผสมน้ำซาวข้าวประมาณ ๖ ช้อนโต๊ะ หรือจะใช้รากรางจืดฝนกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มก็ได้ จะทำให้ผู้ถูกยาสั่งปลอดภัยได้ภายใน ๑ ชั่วโมง
https://montra9mahawed.wordpress.com/2012/10/09/ยาสั่ง