วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

คัมภีร์โบราณ (วัดภูพลานสูง อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี)

เทวดานำพระคัมภีร์โบราณมาถวาย
พระคัมภีร์โบราณ ๔ แผ่นแรก
   ในวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๘ (ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา) เทวดาได้นำ พระคัมภีร์โบราณ ส่วนแรก จำนวน ๔ แผ่นมาถวายหลวงพ่อภรังสีในเวลา ๐๔.๐๐ น.จากการสอบถามเทวดาที่นำพระคัมภีร์มาถวายได้ทราบว่า เป็นพระคัมภีร์ที่ได้บันทึกเรื่องราวของ พระบรมสารีริกธาตุและคำทำนายเกี่ยวกับวัดภูพลานสูง ถูกบรรจุไว้ใน เจดีย์พระธาตุพนม ในปี ๒๔๔๔ พระครูวิโรจน์รัตโนบล (บุญรอด นนฺตโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ได้ ไปบูรณะพระธาตุพนม ได้พบพระคัมภีร์นี้ จึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่หอพระไตรปิฎก วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราช ธานี หลังจากท่านมรณภาพแล้ว ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นพระคัมภีร์นี้อีกเลย จนกระทั่งเทวดาทั้ง ๘ องค์ ผู้รักษาพระ คัมภีร์ ได้นำมาถวายหลวงพ่อ เพื่อให้เก็บไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ
หอพระไตรปิฎกกลางน้ำวัดทุ่งศรีเมือง
   วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ( ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ) เทวดาได้นำพระคัมภีร์ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๑๑ แผ่น มาถวาย จากการสอบถามจึงได้ทราบว่าพระคัมภีร์โบราณนี้เก็บรักษาไว้ ที่เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ( ภายหลังได้ทราบว่า เป็นนครจำปาศรี ) เทวดาได้นำมาถวายไว้เพื่อเป็นหลักฐานและศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ หลวงพ่อได้รับพระคัมภีร์นี้ไว้ และได้ให้พรแก่เทวดา จากนั้นก็ได้ทำการศึกษาค้นคว้าถอดใจความพระคัมภีร์ออกมา จึงได้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตามมาภายหลัง ได้มีการค้นพบพระพุทธโลหิตธาตุ พระพุทธทันตธาตุ และรอยพระพุทธบาทที่ภูพลานสูง ในเวลาต่อมา จากร่องรอยหลักฐานบันทึกที่มีปรากฏในพระคัมภีร์โบราณ พระคัมภีร์นี้จึงถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ไขไปสู่เรื่องราว ประวัติของพระบรมสารีริกธาตุการเดินทางจากอินเดีย สู่สุวรรณภูมิของพระบรมสารีริกธาตุโดยละเอียด
ลักษณะของพระคัมภีร์
   พระคัมภีร์นี้ถูกจารึกลงในกระดาษ ที่ทำจากเปลือกไม้แล้วย้อมด้วยสีดำ มีขนาดความกว้าง ๔ นิ้ว ยาว ๑๕ นิ้ว วัสดุที่ใช้เขียนนั้น เป็นแร่กำมะไนท์ มีสีคล้ายตะกั่วเมื่อกระทบกับแสงสว่างจะปรากฏเป็นตัวอักษรชัดเจน โดยได้ จารึกเป็นอักษร และภาพลายเส้น ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้ ส่วนที่ ๑ มี๔ แผ่น จารึกด้วยตัวอักษรธรรมอิสานโบราณ ตัวอักษรขอม ว่าด้วยคำทำนายเกี่ยวกับวัดภูพลานสูง และอักษรภาพลายเส้นแสดงแผนผังการจัดสร้างพระมหา เจดีย์ จำนวน ๔ หน้า ส่วนด้านหลังเขียนด้วยอักษรไทย แต่น่าเสียดายที่ตัวอักษรนั้นเลือนลางมากไม่ สามารถถอดใจความได้ สันนิษฐานว่า เป็นบทบันทึกของพระครูวิโรจน์รัตโนบล ผู้ค้นพบ ส่วนที่ ๒ มี ๑๑ แผ่น ๑๙ หน้า จารึกเป็นตัวอักษรขอมราม เป็นภาษาฮินดี ว่าด้วยเรื่องการเสด็จมาสู่สุวรรณภูมิ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประวัติของพระเทวจักรผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองอินเดียสู่สุวรรณภูมิ สงครามแย่งพระชิงพระบรมสารีริกธาตุ บุคคลผู้ที่จะมาทำหน้าที่รองรับพระบรมสารีริกธาตุ คำทำนายเกี่ยวกับ สมบัติ (ดูรายละเอียดได้ในคำแปล) และเป็นภาพลายเส้น ๘ หน้า ในภาพนั้นได้วาดภาพ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ภาพพระเจดีย์โบราณ ที่พระบรมสารีริกธาตุเคยถูกบรรจุไว้ ภาพเส้นทางการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ภาพที่ แสดงถึงพุทธเกศาธาตุ พระจีวรธาตุ(ใยพระแก้ว) พุทธโลหิต พุทธทันตธาตุ ภาพยันตร์โบราณ ภาพไหที่เคย บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่สำคัญคือภาพรอยพระพุทธบาท ซึ่งได้เขียนไว้ถึง ๒หน้า อันนำมา ซึ่งการค้นพบ รอยพระพุทธบาทในภายหลัง พระคัมภีร์นี้จึงมี ทั้งหมด๑๕ แผ่น บันทึกอักษรและภาพ ๒๓ หน้า
คำแปลพระคัมภีร์โบราณ
   ต่อจากนี้จะได้นำเสนอบทแปล ซึ่งหลวงพ่อภรังสี ได้แปลออกมาโดยอาศัยหลวงปู่ใหญ่ เป็นผู้แปลออกมา ผ่านทางนิมิต เนื่องจากอักษรดังกล่าวเก่าแก่มาก นักวิชาการที่ขึ้นมาดูอักษรนี้ต่างก็จนปัญญาไม่สามารถที่จะแปล ออกมาได้ คำแปลส่วนใหญ่เป็นภาษาอิสาน หลวงพ่อได้เล่าว่า ที่เป็นภาษาอิสานเพราะพระเทวจักร ได้เล็งเห็น ด้วยญาณว่า คนที่มาเกิดในสุวรรณภูมิในอนาคตจะพูดภาษา อิสาน ท่านจึงเขียนเป็นภาษาอิสาน
คำแปลในส่วนที่ ๑ จำนวน ๔ หน้า
คำทำนายเกี่ยวกับวัดภูพลานสูง
   จักมีพระธาตุเสด็จมาวัดภูพลานสูง ล้วนแล้วแต่เสด็จก้ำเกิ่งสมบัติไหลหลั่งเทมาบ่ได้ขาด ล้วนก้ำแต่งเอา (ด่างดีสี) ข้าวแลน้ำปลาปั้นแบ่งกัน เดือน ๑๑ ผู้ใดได้ล้วนแต่ดี กะสิฮู้ประตูเงิน ประตูคำสำริดลุล่วงศิวิไล แต่งพญาธรรมไปแล้ว สมควรเป็นเอก นะตันทะรุ อุพะวะ ลึงนะมะวันไสแส่ง พะลิวะโรวะสะลี อาถรรพ์ถ้ำ อุกินะพะวะนะตะ นำดิละมุ ริวะรัง หังหารวะติโย อุนะงอน สอนธัมวะผ่งๆ เมืองมอญ ฤทธิ์นำจำเหลื่อม ไผอยู่ได้ให้ฮุ่งเฮือง ทศวรรษ ๒๕๕๐ เพิ่มพระอังคาร หยิ่งก้ำลำแสงแหล่งปฐพีทุกแห่ง อันนี้ยิ่งกว่าลำแสง ข้อพระหัตถ์ เทียมราชาเจ้า เขาคนนั้น กำมะจรพญานาค หมายหมั้นต่อพระองค์ กรรมมหาฤทธิ์ เยิ้นชื่อกุมาร บุตรีทรกันแสง มิ่งเมืองพายฟื้น เมืองใต้จม เมืองเหนือสิขึ้น ย้ายเมืองเกยฝั่ง คนหลั่งขึ้นเหนือก้ำฝ่ายบุญ (ด่างดาดีสี )

พระมหาเจดีย์

รอยพระพุทธบาท

จิตรกรรมฝาผนัง ในพระมหาเจดีย์




อักขรโบราณ ณ บ่อน้ำบุ้น
ตำนานรอยพระพุทธบาท


คำแปลในส่วนที่ ๒ จำนวน ๑๑แผ่น ๑๙ หน้า
ว่าด้วยเรื่องราวพระพุทธองค์ทรงเสด็จสุวรรณภูมิโปรดพระเทวจักร
   จะกล่าวถึงพระมหาเทวจักร ผู้มีฤทธากล้ากำหนดเมฆหมอก สวรรค์อยู่ในโลกันต์ครบสามพันโกฏิพระวรรษา พอดี จักได้มาจุติเกิดร่วมพิภพ แต่ครั้งนั้นในสมัยมืดแจ้งเรียกตั้งชื่อเอาเอง พุทธองค์ทรงบำเพ็ญตบะหาผู้รองรับ พุทธองค์ต่อไป หลังจากพุทธองค์ดับขันธปรินิพพานจวบครบ ๑๒ ปี พระอรหันต์จึงได้มีมาถึงเมืองสุวรรณภูมิ เป็นเขต อภิญญาญาณ มรณา เมตตา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค วิโภหะ วิราหะ เมื่อจักเกิดเมื่อจักดับ ลมเป็นบ่อเกิด ลมเป็นบ่อตาย ดูราเจ้าอนุสินธุ์เป็นเลิศ รู้จักเกิดรู้จักดับ รับคำอาราธนายังได้มาจุติไว้ในสมัยครั้งพุทธองค์ลงบาดาลซึ่ง มีพระมหาโมคคัลลานะ ลงติดตามไปเมืองนาคา พระยานาคราช ในที่นั้นทรงจารึกไว้ด้วยแผ่นทองคำ สิบพัน หนึ่งจนว่าจวบ พ.ศ. ๒๕๕๐ ผูกนี้พระมหาโมคคัลลานะรับเอา
ว่าด้วยบทบันทึกในเมืองบาดาล
   เมื่อนั้นเห็นว่าจึ่งได้ทวงหาเกิดเดือดร้อนเมืองบาดาล จึงเสด็จไปโปรดเมืองบาดาล กรรมมหาฤทธิ์ทะยาน นบนอบ กราบพระองค์ปลงสังเวช ดูก่อนกรรมมหาฤทธิ์ท่านประสงค์สิ่งใด๋ ท่านมีวาสนาเหลือล้น จักแผงตน ในคราบสัตว์เดรัจฉาน ๓๒ ซาติ เจ้าบำเพ็ญได้ดั่งปรารถนา เจ้าประสงค์สิ่งใด๋แท้ เราพึงให้ดั่งหมาย จักมรณัง เมี้ยนแผงเอาคราบใหม่ จึงได้จุติเกิดขึ้น เมืองนั้นชื่นชม บั้นหนึ่งนั้นมีเชื้อชิงเสนา เฮาจักไขปัญหา มิ่งเมืองภายซ้อย หลังจากนั้น ทรงกลับดับขันธปรินิพพาน เมื่อครั้งต่อมาเห็นดีแล้ว พระอาสาไปก่อนล่วงหน้า คิดว่าเห็นสมควร จักถือคำพุทธองค์เอาไว้
ว่าด้วยบุคคลผู้ที่จะมารองรับพระบรมสารีริกธาตุ
   คำปรารภ มีอยู่ ๗๒ พระองค์ที่มาเกิดในพระพุทธศาสนาตามคำบัญชากล่าวไว้ว่า มี เสา ดีโลด ยืน มั่น มั่น ด่าง จวน อานนท์ ชา สาย หล้า ภูลังกา ตอนภรังสี ประกาศบำเพ็ญกุศล เผ่ยย่ำห่วง ฮองย็อกฉ่าย ยำว็อกไห่ กิดีมี ลัดฝ่อ ต่างมุเย่า เวว็อดห่ากีดิ พุทธาวดิ
ว่าด้วยคำทำนายเกี่ยวกับบ้านเมือง
   เมื่อศตวรรษโลกจักได้เสื่อม พระศาสนามีราชาองค์น้อยหายใจบ่ทั่วท้อง เข้ามาเชิดชู คนจักมรณาม้วน สูญพันธ์เมิดเผ่า พระเจ้าอุบัติเกิดขึ้นแล้ว เมืองนั้นเปลี่ยนแปลง เมืองเหนือหากสิขึ้น เมืองกลางหากปั่นป่วน ทาง ในเกิดเดือดร้อนหวังฆ่าแต่กัน ต่อจากพระวรรษา ๒๕๕๐ นี้ พระยาสิเริ่มใหญ่ เมืองนั้นกะสิ ได้เปลี่ยนแปลง มีขาวมีดำ สมกันเกิดโลกใหม่ ยุคศิวิไล พระสีส้มโยมสีเหลืองเมิดหมู่ โห่โห่ก้องขึ้นสู่สุวรรณภูมิ คงความเห็น ดั่งเดียวคำย้อง พุทธองค์ลงมาโปรด ดูราโลกใหม่ คนโฮมไหลหลั่งเต้า มาเผ้า (เฝ้า) ต่อพระองค์ จักกล่าวเรื่องไว้ให้พอเป็นสังเขป มีเสนาทั้งเจ็ดอยู่วังมาตุ้ม พระยามู แลมะตู วือว็อด อองค็อย องกา เสนา อ็องกุด
ว่าด้วยผูกสมบัติ
   มีเมืองล่มจม บาดาลหลายแห่ง ของสิฟูโผล่ขึ้น มาตุ้มราชวงศ์ เลาะเลียบเขตอยู่เหล่าอาณาจักร สิมีเงินคำ ฮุ่งมาเหลืองเหลื่อม ข้าจักแปงสารไว้ มีคำอยู่หลายบ่อ บ่อหนึ่งนั้นอยู่ก้ำทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีเงินคำอยู่แสนโกฏิ ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ฝั่งโดม มีคำอยู่กือหนึ่ง ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ฝั่งริมโขง ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ฮ่องปากเซ มีคำอยู่สิบโกฏิ ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ทางขึ้นพะลานสูง มีคำอยู่เจ็ดเกวียน ก้ำหนึ่งนั้นอยู่บ้านนาแคน ติดกับลำโดมน้อย ก้ำหนึ่งนั้นอยู่พะลานฮัง มีคำอยู่ฮั่น ๑๗ เกวียน ก้ำหนึ่งนั้นอยู่บ้านหนองแสง ก้ำหนึ่งนั้นอยู่บ้านคำม่วง มีคำอยู่ ๗ ไห ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ห้วยทับทัน มีคำอยู่ ๑๖ ก้อน แต่ละก้อนท่อกระบุง ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ภูผาขาด มีคำอยู่ ๕ หมื่นเกวียน ก้ำหนึ่งนั้นอยู่ซ่องผาอีด่าง มีแพรวพรรณมณีอยู่ ๖ ลำเกวียน เพิ่นได้คำนวณ ทรัพย์สินอันที่มา สร้างคันผู่ได๋มีบุญนั้นให้ไปแปงเอาเบิ่งคันแม่นแปงได้แล้วหมายสร้างดังประสงค์ เทวจักรเล็งไว้แล้วอิทธิญาณ เผื่อ ให้ผู้มีบุญได้ทราบเบิ่ง ดูราเจ้าองค์เอกสัพพัญญู ปูทางไว้ให้บุคลากรสานต่อ คันสังสิพ้อหมายหมั้นเพิ่งบุญ มูลพระเจ้า แบ่งให้ ผสมกันหลายอย่าง ต่างคนต่างฟั่นหันเข้าฮ่วมแกว ปองดองไว้แกวเดียว มิดหมู่เชื้อพระองค์แบ่งให้ ฮักษาไว้ฮีต คอง นิสุธัง อังคะอุ อะทุรัง วะยัง ปริสุทธัง ขอให้หมั้นเผิ่งพากัน คือฮากไผ่และกำแพง คำนี้ฮากแม่นว่าเมตตาหลวง วัดโกสัมพีอยู่สาวัตถีพุ้น นี่อีก วรรคหนึ่ง พระองค์ทรงบันทึกไว้ ณ สาวัตถี
ว่าด้วยเรื่องการอัญเชิญและสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ
   เมืองพม่า จักได้กล่าวถึงพระอิศเรศหงสา ในคั้งพระวรรษาที่ ๑๓ อยู่ที่นั้นอีก ๑ ปี มีศึกมาต้าน จักปล้น เอาพระธาตุอีก เทวจักรฟ้าว(รีบ)รวมอิทธิฤทธิ์เหาะเหินข้ามนทีคงคา ดังเสมือนไปถงสิบสองปันนา งอยฝั่งเลย หยุดยั้งอยู่ก้ำฝั่งไทยครั้งเนาอยู่ฮั่น ๖ เดือน เตือนประชากรทั้งหลาย มาสร้างโพนเนาเจดีย์ไว้ แมงเงาเฝ้า เจดีย์ได้หลายโต ๙ หมู่ข้าปูทางไว้ ทางก้ำฝั่งไทย จักย้ายเข้าสู่มอญขาวชาวนครชื่นชมมาต้อน ขอมดำดิน จักถวายปราสาทให้ เป็นที่รองรับ เทวจักรนำพระองค์ตั้ง ถวายให้แก่ขอมจักได้ว่าขึ้นอยู่ ๑๖ ปี มีราชา หลายเมือง โห่กันมาแย่ง เทวจักรได้เหาะเหินขึ้นส่ง ลงกลางดงปราสาทกว้าง หวังซ่อนพุทธองค์ เทวยักษา ตนหนึ่งยังกะเลวต่อต้านหวังสู้บ่ถอย เทวจักรจึงได้อ่อยๆแถลงความเฮาบุญมา เถิงบ่ตอบขาบ สองตาบข้าง องค์เอกสัพพัญญู ข้างว้ายองค์อังคาร ข้างขวาพระสารีริกธาตุ อสูรเจ้าหลงมัวทำบาปใหญ่ หัวเข่าตั้งลง กราบไหว้พนม โอนอท่านมีชื่อนามใด๋ โปดอภัยขอถามเรื่องราวพายซ้อย นามกรข้ายักษาโตหนึ่ง เขาทอบ กระดูก ไว้ เขาให้ฮักษา เฮานี้ได้ชื่อว่าเทวจักร มือกำคอยักษ์ ฮูบทะยานขึ้นบนฟ้า เลยอัดเข้า ปายเจดีย์ ยอดแก้ว แล้วจึงเหาะดุ่งผ้าย ไปก้ำฝ่ายขอม สงครามได้ ตีเมือง ตกพ่าย แหวกประตูผ่าม้าง เขานั้นข่มขอม ขอมกะยอมเมิดแล้ว พระยาเมืองต้านใส่ ถามว่าไสพระบรมสารีริกธาตุ ของค้ำคูณเมืองที่อยู่เนานำเจ้า เฮาสิมาขอสู้ ตีเอาส่วนแบ่ง พระยาแนมพระเนตรขึ้น องค์เจ้าพระประธาน ราชาแย่งขึ้นแบก องค์พระธาตุอยู่นี้ ชิงได้กะสิถอย นี่คือสงครามแย่งพระธาตุ
ว่าด้วยเรื่องพระเทวจักรนิพพาน
   เทวจักรนั่นหายใจลำบาก เล็งญาณสังสิยากต่อไป สงครามแย่งบ่อแม่นดินแดนหากแต่เป็นศรัทธาหลายเล็ง ดูแล้ว ใจหมายมั่นทุกข์คน จึงได้ขอบันดลให้สงครามแตกผ่าย แสนดีใจทุกก้ำ จากหั่นได้สงครามเงียบหนตนก็ได้ บำเพ็ญพระวัสสาจากลาสังขารสู่นิพพานหมดสิ้น
ว่าด้วยผูกพระโมคคัลานะ
   โมคคัลลานะด้นนำตนสืบต่อพระวัสสาสู่มื้อสังสิส่วยแต่กะยัง พุทธองค์ทรงสานต่อได้ถึงเกือบ หกร้อย พระวัสสา เกือบซาวพันปีต่อไปภายหน้า ไผผู้เล็งเห็นแล้วให้จุบเอาให้มันทั่วอิติ เกิดขึ้นแล้วจุบให้ฮุ่งเจริญ ในศตวรรษสองพัน
จบคำแปลพระคัมภีร์
******************
พญานาคถวายเครื่องบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
   ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๘ (ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีระกา) พญานาคนามว่า ท้าวศรีสุทโธ ได้นำลูกแก้วมาถวายหลวงพ่อภรังสี เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน ๕ ลูก และ ท้าวศรีสุริยะเทพอินทร อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง ได้นำลูกแก้วมาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ อีก ๒ ลูก เป็นเหตุให้ได้ทราบว่าแม้แต่ พญานาค และภพภูมิอื่น ๆ ก็มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ค้นคว้าเพิ่มเติมที่ http://www.watphupalansung.com/index.php/about-us/http://www.watphupalansung.com/index.php/about-us/คัมภีร์โบราณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น