วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องสั้น เรื่อง “ม่านหัวใจ”

เรื่องสั้น เรื่อง “ม่านหัวใจ
โดย อิสระ ชีวา

            คลื่นระยิบระยับอร่ามไปทั่วทั้งสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เหมือนเพื่อนที่สนิทสนมร่วมเดินทางไกลอย่างเมื่อยล้ากันมาทั้งวัน กอปรด้วยแสงของอาทิตย์ในเพลาอัสดง ต่างเคลียเคล้าไปเชื่องช้า ดูประหนึ่งให้อิจฉาในเวลาที่ช่างเคว้งคว้างเช่นนี้
            นกน้อย ผกโผโบยบินเป็นคู่กลับบ้าน ทุกอย่างจะผันผ่าน...แม้แต่แสงสว่างที่เจิดจ้าก็กำลังจะลาลับอย่างช้าๆ กลับมีแต่ความเยือกเย็น โหยหา อ้างว้างที่ลิงโลดโดดเต้นที่พุ่งเข้าสู่ความรู้สึกทุกอณูของหัวใจที่เดียวดาย

            สายตาที่เหลือบไล้สายลำน้ำโขงไปอย่างไกลโพ้นสุดความสามารถของมันทั้งสองข้าง เห็นแต่เรือของชาวประมงสองสามลำที่กำลังเริ่มลงมือจับปลาในสายน้ำด้วยอุปกรณ์ที่คุ้นเคย เช่น มองและแห...ถ้าใครสักคนเป็นเช่นปลาที่ว่ายในลำธารใหญ่  หากฉันเป็นประมงที่กำลังลงตาข่ายมองและทอดแหที่อยู่บนเรือเช่นนั้น สักวันฉันคงมีโอกาสจับปลาตัวนั้นได้เช่นกัน
            สีขุ่นจากแม่น้ำเซที่ไหลแทรกเข้าไปในตัวตนของแม่น้ำโขงที่เขียวครามกอดเอวกันไหลไปเอื่อยๆช่างเหมือนประหนึ่งแสร้งให้ฉันอิจฉาอย่างเหงาๆ
#####
            “คิดดีแล้วเหรอที่จะย้ายไปที่นั่น มันไกลจากบ้านเรามากนะลูก แล้วหนูจะอยู่อย่างไร
            หนูตัดสินใจตั้งแต่หนูเขียนย้ายแล้วแม่  ตอนนี้รอแต่วันเดินทาง แม่ยังจะถามหนูอีกเหรอค่ะ ฉันตอบแม่อย่างมั่นใจ ก่อนจะย้ำให้แม่สบายใจ แม่ไม่ต้องห่วงหนูหรอก ลูกแม่คนนี้ แม่รู้ว่าหนูทำได้ ฉันบอกแม่เหมือนพาลจะให้น้ำตาไหล เมื่อมืออันเหี่ยวเฉาเหมือนลูกบวบที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยงจวนจะเฉาตายของแม่ลูบจากหน้าผากไล้ไปตามเรือนผมของฉัน
            จ๊ะลูก แม่รู้ว่าหนูทำได้ สำหรับต้นและกร หนูไม่ต้องห่วงหรอกเพราะอย่างน้อยต้นก็เรียนอยู่ มอหนึ่ง แล้ว เขาโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้ ส่วนกรก็อยู่ ปอ สอง แม่ก็คงไม่เหนื่อยมาก และเขาก็เข้าใจดีว่าหนูจะไปทำงานไกลบ้าน แม่บอกฉันเพื่อให้ฉันสบายใจไม่เป็นกังวลกับลูกพร้อมกับชี้แจงภารกิจที่จะได้รับเลี้ยงลูกชายของฉันทั้งสองคน ในเวลาที่ฉันไปทำงาน
            แต่หนูก็ห่วงเขานะแม่ โดยเฉพาะต้นเขากำลังจะโตเป็นวัยรุ่น  ฉันบอกแม่พลางพลิกร่างของตนจากนอนตะแคงเป็นนอนหงายบนตักของแม่ ...หมอนใบแรกของชีวิตที่ฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่มันยังอ่อนนิ่มจนกลับจะแข็งโป๊กด้วยกระดูกขาที่มองเห็นได้เกือบชัดเจน  ฉันพูดพร้อมกับทอดสายตาเหลือบทอดไปสู่เพดานสังกะสีของบ้านที่มีรอยตะปูให้โอกาสแก่พระอาทิตย์ปล่อยลำแสงพุ่งเข้าเข้าสู่ไม้ปูพื้นบ้านข้างๆ ที่ฉันนอน ยิ่งหนูจะย้ายไปอำเภอที่ไกลโพ้นเป็นร้อยๆกิโลเมตร
# # #
            สายลมพัดกรรโชกจากข้างนอกตัวรถประจำทาง ซึ่งไม่มีบานเกล็ดหน้าต่างปิดบัง ปะทะใบหน้าพร้อมฝุ่นที่โชยมาพร้อมสรรพ ทำให้ฉันต้องขยี้ตาเพื่อเอาฝุ่นจากทั้งสองร่องตาอยู่เนืองๆ
            เสียงเซ็งแซ่เมื่อครั้นรถออกเงียบลงไปบ้าง อาจเป็นเพราะชาวบ้านที่ส่งเสียงชักถามสารทุกข์สุขดิบได้เสร็จกระบวนความ คงเหลือแต่สายตาของแต่ละคนที่มุ่งเหม่อมองไปตามข้างตัวรถเพื่อให้เห็นทิวทัศน์ข้างหน้า เหมือนประหนึ่งว่าใจของตนอยากไปสู่จุดหมายที่ต้องการเร็วกว่ารถที่นั่งมาเสียด้วยซ้ำ
            เส้นทางที่ลดเลี้ยวตามสันภูเขาที่โค้งงอเหมือนงูใหญ่เลื้อยและโอบอ้อมภูเขาไว้ในอ้อมกอด ทำให้รถที่มาไม่สามารถที่จะแสดงสมรรถนะว่าตนแข็งแกร่ง แข็งแรง วิ่งเร็วไม่น้อยกว่าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ กลับแต่จะโรยราไม่ต่างไปจากเกวียนที่วัวควายลากไปข้างหน้าประมาณนั้น
            วัยรุ่นหญิงชายคู่หนึ่งที่เหลืออยู่บนรถ นั่งเกาะมือกันจนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความรักของเขาสุกงอมเต็มที่เหมือนมะม่วงที่รอแต่จะหลุดลุ่ยจากพวงพันธะเหนี่ยวบนต้นให้ตนเองได้ปลดปล่อยร่วงร่นสู่พื้นดินในไม่นานช้า
เอื้อยมาเที่ยวอยู่นี่บ้อ สาวน้อยรูปร่างโปร่งเพรียว ผมยาวสลวยจวบจนถึงเอว ใส่เสื้อกระเช้าแขนตุ๊กตา นุ่งผ้าถุงลายขิดแบบอีสาน ถามฉันซึ่งเขาคงจะดูออกว่าฉันไม่ใช่คนที่นี้ หรืออาจดูจากลักษณะการแต่งตัวของฉันที่สวมรองเท้าหุ้มส้น กางเกงขาสั้นสามส่วน พร้อมเป้กระเป๋าสะพายใบเขื่องที่บรรจุสิ่งของข้างในจนอิ่มแปล้
จ๊ะ เอื้อยมาเลาะเล่น ครั้งนี้เป็นเทื่อที่สอง ฉันตอบคำถามเพื่อนต่างประเทศของฉันโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเหมือนกับอะไรหลายๆอย่างในเบื้องหลังที่ผ่านมา
ติดใจบ้อเอื้อย ข่อยว่าอยู่ปากเซกะน่าเที่ยวน้อ ชายหนุ่มที่แต่งตัวไสตย์คุ้นตาที่ฉันคุ้นเคยจนฉันไม่แน่ใจว่าเป็นไทยที่ข้ามฟากประเทศมาดังเช่นฉัน
จ๊า เอื้อยว่าที่ปากเซเป็นเมืองที่สวย ผู้คนที่ปากเซก็เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทที่น่ารัก เหมือนกับบ้านของเอื้อยตอนที่เอื้อเป็นเด็ก...น้องเป็นคนไทยบ้อ  ดิฉันชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างสาวน้อยคนนั้น
บ่ครับ ข่อยเป็นคนเวียง เมียข่อยเป็นคนปากเซ ชายหนุ่มตอบฉันอย่างลิงโลดพร้อมช้อนสายตาโลมไล้ไปยังสาวสวยที่นั่งชิดกันอยู่ข้างๆ จนหญิงสาวขวยเขิน ทำให้ฉันมองเห็นความรักของสองคนได้อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่ต้องบอกให้รู้ว่าเราจะมีกันและกันเหมือนประหนึ่งว่าโลกทั้งโลกมีเพียงเราสองคน
ข่อยไปเฮ็ดงานอยู่ไทย อยู่อุบลฯโพ้น...เมียข่อไปฮับที่ด่านช่องเม็ก จะพากันเมือเวียง หนุ่มน้อยวัยไม่เกินสามสิบตอบคำถามพร้อมบอกภารกิจที่จะทำในวันข้างหน้าอย่างหมดเปลือก เหมือนว่าเขาไม่มีความลับ ไม่มีเรื่องใดของชีวิตคู่ที่จะปิดบังซ่อนเร้นไว้
ฮักกันดีเนาะ...เอื้อยอิจฉาคนมีความฮัก คนมีคนฮักเด้...ผู่ชายกะหล่อ น้องหล่าผู้เป็นเมียกะงามหลาย
เอื้อย...ฮู้จักกันไว้เป็นดี  แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดกะคือฮักกัน
# # #

การเป็นครูหรือนักวิชาการศึกษา ผู้ปฏิบัติในสำนักงานขององค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้ทำให้ฉันลำบากนัก โดยเฉพาะเพื่อนรุ่นน้อง เช่น น้องหมู เจ้าหน้าที่จัดเก็บรายได้ น้องยา เจ้าหน้าที่โยธาและวางแผน ต่างเป็นกัลยาณมิตรและเพื่อนร่วมงานที่ดีของฉัน...การช่วยเหลือแบ่งปันที่ต่างคนต่างมอบให้กันและกันอย่างสุจริตใจ ทำให้ฉันและน้องๆในสำนักงานได้ปฏิบัติงานเพื่อยังผลประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ได้มากที่สุด ได้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของงานในสำนักงานได้เป็นอย่างดี แม้จะห่างไกลจากแม่ผู้ผ่านจากวัยเต่งตึงตนถึงวัยหย่อนยาน อีกทั้งลูกชายคนแรกที่ใครคนหนึ่งให้ชื่อว่า ต้น และ น้องกร ลูกชายคนเล็ก ซึ่งเปรียบเสมือนห่วงทองคล้องหัวใจของ เรา ให้เป็น ครอบครัว
            ครอบครัว...ในความหมาย...ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด มันคงหมายถึง บ้านที่สนธิความสัมพันธ์ทั้งกายและดวงใจของ พ่อ แม่ ลูก ผูกร้อยรัดมัดตรึงไปทั่วอณูของความรักและความรู้สึกของทุกคน ที่จะหาเส้นทางเดินไปสู่ความสุขของสมาชิกในครัวเรือน...เหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อนที่มันอุดมสมบูรณ์จนกระทั่งเพียบพร้อมอย่างล้นปรี่ ถ้าหากแต่ว่าใครบางคนที่ฉันฝากความหวัง ความฝัน และทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตไว้กลับอันตธานหายไปดั่งสายฝนที่โหมกระหน่ำปานพายุทอร์นาโด แล้วขาดสะบั้นหายไป...อย่างไม่หวนคืน
สายน้ำดูบางเบาแต่คงทน        สายฝนดูแน่นหนาแต่จางหาย
สายตาดูเฝ้าหวงดูห่วงใย       กลับหายไปสิ้นลับ...ไม่กลับคืน
้ายดอนปดกิโลเมตร ย่างสวยงาม ชีวิตฉันก็คงเป็นเหมือนดอนโขงนี่กระมัง เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตมันพร่องลง ความอดทน ความแข็งแกร่ง
เมื่อวันหนึ่งที่ความรักผันผ่านไปตามกาลเวลาที่มันดูเหมือนจะจืดจางลงไปวันละเล็กวันละน้อยจนทำให้ความผูกผันที่สะสมมาอย่างยาวเนิ่นนานเกือบสิบหกสิบเจ็ดปีไม่สามารถที่จะเป็นโซ่ทองคล้องดวงใจของคนสองคนไว้ได้...เมื่อนั้น...ความบาดหมาง...ซึ่งเป็นเสมือนม่านบางๆที่จะปิดกั้นเราสองคนไม่ให้มองเห็นกันด้วยหัวใจที่แจ่มใสอีกต่อไป...เคยสังเกตเห็นไหม???...เวลาที่เราอาบน้ำอุ่นในห้องน้ำที่มีกระจกติดอยู่ข้างๆ...ไอน้ำที่จับเกาะกระจกจะเกิดเป็นฟ้าที่ทำให้กระจกพร่ามัว...ความรักของฉันก็เฉกเช่นเดียวกัน หาจุดใดที่จะสว่างแจ่มใสขึ้นมาใหม่ไม่ได้ กลับแต่จะเป็นสนิมที่เกาะกุมและกัดกร่อนให้ย่อยสลายไปตามกาลเวลา
            ความรับผิดชอบ...คงเป็นเส้นทางและจุดหมายที่อยู่กลางทางชีวิตของเราสองคน...เมื่อเขาเลือกที่จะเดินเส้นทางใหม่ให้แก่ตัวตนและความต้องการของเขา การเหนี่ยวรั้งก็ต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างยอมจำนน...ความรับผิดชอบต่อน้องต้นและน้องกร ซึ่งเป็นดั่งดวงตาดวงใจของฉันก็ทะยานเด่นชัดจนไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะเทียบเคียงเสมอเหมือนได้ไม่...
# # #

อาจารย์อยู่นี่บ้อค่ะ ฉันถามพระภิกษุรุ่นน้อง ที่นั่งอยู่ด้านขวาเคียงคู่กับโซเฟอร์รถตู้รับจ้างซึ่งบรรทุกผู้โดยสารข้ามฟากจากด่านช่องเม็กมุ่งหน้าสู่เมืองปากเซ
อาตมาอยู่วัดพระบาทที่ปากเซนี่ล่ะโยมน้า  แต่มาจากไทยไปเฮ็ดงานอยู่ฮั่น...โยมมาเที่ยวบ้อ
ค่ะ มาเที่ยวค่ะ อาจารย์ซื้อของเมือหลายแท้ค่ะ
เอาไปสอนนักเรียน  คั้นซื้ออยู่ปากเซราคามันแพงกว่าซื้อมาจากไทย อยู่อุบลฯขายถูกกว่า ว่าแต่ว่าโยมมาเที่ยวเรื่อยอยู่บ้อ
เรื่อยอยู่ค่ะ คั้นอาจารย์อยากให้หนูซ่อยหยังกะบอกเด้อค่ะ หรือว่าให้หนูมาซ่อยสอนกะได้ หนูเป็นครู
ฉันจำไม่ได้ประมาณครั้งที่สี่หรือห้าที่แล้วที่ฉันมาปากเซ แต่ครั้งนี้ได้รู้จักกับพระอาจารย์บนรถโดยสาร  ที่นั่งมาด้วยกัน การถูกชะตาในฐานะครู ทำให้ความแตกต่างระหว่างเพศบรรพชิตกับคฤหาสน์ จึงเหมือนไม่มีอะไรกีดกั้น
การสอนภาษาไทยที่นี่  มันไม่ยากหรอก แม้ฉันจะไม่ได้ใช้หลักวิชาการของภาษาเลยมาตั้งแต่จบปริญญาตรี แต่การเป็นนักวิชาการศึกษาก็มีความสำคัญในการใช้เพื่อการสื่อสารทางราชการไม่หย่อนลงลงเลยสักนิด อีกทั้งความงามในวรรณกรรมในอรรถรสของภาษาไทยที่แทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อและเชื้อไขก็เป็นการยากที่ฉันจะลืมเลือน ภาษาที่เป็นที่รักยิ่งของฉัน ยิ่งได้มาสอนอยู่ที่วัดพระบาทปากเซ   ยิ่งเหมือนว่าฉันได้ยกฐานะเอกลักษณ์ของชาติให้สูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะไม่ได้ค่าจ้างเพราะฉันเป็นเพียงครูอาสาสอน...แต่ความภาคภูมิใจที่ให้เพื่อนร่วมโลกได้รู้จักภาษาไทย ทำให้หัวใจน้อยๆของฉันเหิมเกริมยิ่งนัก
ครู ถ้าครูมาสอนหนังสือเทื่อใด๋ โทรบอกหนูแหน่เด้อ แป๊ดแม่ค้าสาววัยยี่สิบกว่าปี พูดกับฉันขณะที่ฉันนั่งกินปิ้งไส้หมู ส้มตำที่ร้านของเขา ที่ตั้งเป็นเพิงเล็กๆข้างๆถนนติดแม่น้ำปากเซ      คั๊นหนู เฮียนภาษาไทยเก่ง ละกะเขียนได้งามคือครูแล้วหนูกะอยากเฮียนเลข หัวมันสิได้ป่อง ยามคิดเงินกับลูกค้าบางทีกะคิดถืกคิดผิด ขาดทุนหลายเทื่อแล้ว  ครูมาเทื่อนี้เจ็ดมื้อบ้อค่ะ มื้ออื่นครูว่างสอน ครูไปเล่นบ้านหนูบ่ ไปน้อครู หนูอยากไห่ครูไปบ้านหนูแป๊ดอ้อนฉันเหมือนเป็นเด็กๆ
# # #

            เสียงเจื้อยแจ้วของนกกระจอก ปลุกฉันตื่นขึ้นจากเสื่อลาดพื้น เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปทางเหนือ  สายตาก็ต้องถูกปิดกั้นด้วยภูเขาสูงใหญ่ไม่ไกลจากบ้านแป๊ดมากนัก แตงโม พี่สาวของแป็ดบอกว่าเขาลูกนี้มีตำนานของความรักอมตะเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา  ของท้าวบาเจียงและนางมะโรง ที่ต้องเลิกรากันไป มันคงไม่ต่างจากฉัน ความรักที่เคยได้รับจากใครบางคนที่ทุ่มเทเพื่อมัน แต่แล้วจุดแตกหักก็เกิดขึ้นหัวใจอย่างช้าๆ เหมือนแม่น้ำโขงกลืนกินแม่น้ำเซจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างหารอยผิดแปลกได้ไม่ ... แต่สำหรับฉัน มันถูกปิดกั้นด้วยความรับผิดชอบของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีต่อหญิงผู้มาทีหลัง ซึ่งดูเหมือนประหนึ่งว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าฉันอย่างมากมายนัก
            ฉันสลัดต้นคอเล็กน้อย เพื่อไล่ความคิดที่ย้อนรอยอดีตให้หลุดไปจากความรู้สึก ในความเป็นจริงฉันน่าจะลืมหรือลบมันไปจากใจ หาได้ประโยชน์ใดๆให้จรรโลงใจได้ไม่ พาลแต่กลับจะทำให้หัวใจ    ห่อเหี่ยว...กลับกัน ฉันควรที่จะบันเทิงปัจจุบันให้เป็นปุ๋ยชีวิตในหัวใจมากกว่า อย่างน้อยในมรสุมชีวิต      ที่เรือมันกำลังอับปราง ใครบางคนก็ยื่นมือให้ฉันจับและยื้อพยุงให้ฉันลอยคออยู่ในเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่ออกมาได้
            ขอให้ผลบุญกุศลที่ลูกได้กระทำในครั้งนี้ ได้ดลบันดาลให้ครูบาอาจารย์ บิดามารดา เจ้ากรรม นายเวร คนรักและคนไม่รัก คนรู้จักและคนไม่รู้จัก ทุกสรรพสัตว์ ทุกสรรพสิ่งในสากลโลกได้รับผลบุญ ที่ลูกได้กระทำในครั้งนี้ ให้ลดละความพยาบาท อาฆาตแค้น ความบาดหมาง จากจิตจากใจ ขอให้พึงมีแต่ความสุขทุกภพทุกชาติ ขอให้ลูกได้มีความสุขสมดังปรารถนาตลอดชาตินี้ ชาติหน้าและทุกๆชาติตลอดไปเทอญ ฉันภาวนาในใจอันน้อยนิด หลังจากองค์สมมติพระบรมโพธิสมภาร เรียงแถวยาวเหลืองอร่ามผ่านฉันไปเพื่อมุ่งจาริกบุญปลดปล่อยความทุกข์แก่สรรพสัตว์เบื้องหน้าต่อไป
            จักรยานคันน้อย ที่หาไม่ยากจากร้านเช่าข้างทาง สามารถนำฉันไปทุกซอกทุกมุมที่ต้องการ เพื่อเสพเอาความบริสุทธิ์ของรุ่งอรุณแห่งเมืองปากเซ เมืองเอกของประเทศลาวเมื่อครั้นร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เหมือนกับการเสพบุญที่ได้ใส่บาตรพระเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันเกินคุ้มกว่าเงินยี่สิบพันที่ฉันได้จ่ายไป แต่ความเคยชินที่มีมาตลอดชีวิตที่เคยขับรถแต่ทางเลนขวาของถนนในเมืองไทย กลับต้องมาอยู่เลนซ้าย ในเมืองปากเซนี้ ทำให้ฉันงงงวยเหมือนไก่ตาแตก ประสบการณ์ของความเป็นผู้ชื่อว่าครูช่างไม่ได้ช่วยทำให้ฉันสันทัดหรือแช่มชองกับกฎจราจรที่นี่เลยสักนิด
            มีคนบอกว่า...การเปลี่ยนแปลง...จากความเคยชินที่ทำมาตลอดแม้เป็นแค่เพียงช่วงหนึ่งของจังหวะชีวิต มันก็เป็นเรื่องยาก ...แต่ถ้าเป็นความเคยชินที่มีมาตลอดชีวิตล่ะ จะยากแสนเข็ญขนาดไหนกัน
            ...ฉันเข้าใจดีว่า ช่วงรอยต่อของฤดูหนาวกับฤดูร้อน หรือช่วงฤดูร้อนเพื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน มันจะมีจุดเชื่อมต่อที่สัมพันธ์กันอย่างลงตัวจนไม่เห็นจุดเปลี่ยนแปลงให้สังเกตเห็น...เช่นกัน...แม้วันนี้ฉันจะเปลี่ยนจากขวามาเป็นซ้าย...มันก็เป็นเพียงแค่ฉันจะเดินผ่านจุดเชื่อมนั้น  และฉันก็จะผ่านไปได้อย่างไร้ตะเข็บรอยต่ออย่างแน่นอน
# # #

            เทื่อที่แล้วที่ครูมาตอนปีใหม่ หนูมาดอนโขงม่วนๆ คนกะหลาย เขาเล่นสงกรานต์กันค่ะครู  
            แป๊ดกะฮู้ว่าครูสอนหนังสือ ไปเที่ยวน่ะไปมื้อใด๋กะได้ ครูกะอยากสอนให้นักเรียนเขาเฮียนเก่งๆ ยามไปฮั่นไปนี่คนบ้านเฮากะบ่ต้องย่านคนอื่นตั๋ว  คั๊นเฮาโง่ เฮากะจะตกเป็นเหยื่อของคนที่เขาฉลาดกว่าฮู้บ่ ฉันบอกแป๊ดถึงความสำคัญของการศึกษา ซึ่งเห็นจะเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้คนทุกคนฉลาด
            ครูครับ ยามนี่น้ำโขงลดลง พวกเฮากะเลยเห็นเกาะหลายเกาะ แต่อยู่นี่เขาเอิ้นว่าดอนครับครู       บิ๊กลูกศิษย์เอกบอกฉัน ในฐานะเจ้าของบ้าน เพราะบ้านของบิ๊กอยู่ที่นี่... ดอนโขง
            ฉันกวาดสายตาดูเกาะเล็กเกาะน้อยที่ผุดจากแม่น้ำโขง สลับกับโขดหินที่เรียงรายกันอย่างสลับซับซ้อน แต่ก็เป็นระเบียบอย่างสวยงาม ในขณะที่เรือนำพวกเราข้ามฟากไปยังบ้านของบิ๊ก สมแล้วที่นี่จึงได้ชื่อว่า สี่พันดอน  ชีวิตฉัน...ก็คงเป็นเหมือนดอนโขงนี่กระมัง เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตมันพร่องลง ความอดทน ความแข็งแกร่งจะผุดขึ้นมาแทนที่
บ้านของบิ๊ก เป็นบ้านยกพื้นมีบันไดสามขั้น ที่นี่แปลกเขาไม่ได้ฝังเสาบ้านเหมือนที่เมืองไทย แต่เขาเทตอม่อเทปูนซีเมนต์ขึ้นมาสักห้าสิบเซนติเมตร แล้วเอาเสาบ้านวางไว้แต่ละตอม่อ หากลมพัดแรงบ้านที่ไม่ได้ฝังเสาลงดินคงลอยลิ่วไปเหมือนเศษผ้า...ฉันคิดเรื่อยเปื่อย ซึ่งขัดกับความเป็นจริง เพราะที่ดอนโขง บ้านไหนๆ เขาก็สร้างบ้านแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่เห็นมีใครว่าบ้านลอยไปกับสายลมที่พัดกระหน่ำแต่อย่างไร
ผมดีใจที่ครูมาเล่นบ้านผม มานอนบ้านผม บ่ได้รังเกียจเดียดฉันท์พวกผม ผมมีความสุขหลายครับครู บิ๊กบอกฉันอย่างจริงใจ
            จ๊า ครูกะมีความสุขหลาย มื้อหนึ่งคั๊นครูบ่ได้มาบ้านบิ๊ก บ่ได้มาหาแป๊ด บ่ได้มาหาหมูอ้วน ครูกะอยากไห่พวกเฮาฮู้ว่าครูฮักพวกเฮาทุกคน
            ครูขา...คั้นแฟนครูมานำคือเทื่อก่อน หนูคึดว่าครูแฮ่งจะมีความสุขหลายกว่านี้ หลายกว่าอยู่กับพวกหนูแม่นบ่ครู
            .......

ที่ดอนโขง ซึ่งชาวดอนโขงเขาเรียกตามสภาพพื้นที่แยกออกเป็นหัวดอน กลางโขง และ ท้ายโขง  ซึ่งมีพื้นที่ล้อมรอบเป็นวงรียาวระหว่างหัวดอนกับท้ายดอนประมาณสี่สิบแปดกิโลเมตร และมีความกว้างของดอนจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกประมาณเจ็ดกิโลเมตร โดยเฉพาะกลางโขงหรือกลางดอนจะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนฝรั่งเศส และอีกหลายสัญชาติต่างก็มาดื่มด่ำกับบรรยากาศวิถีชีวิตความเป็นกันเองของชาวปากเซ แ ละที่ดอนโขงนี่ก็เหมือนกัน ...โดยเฉพาะจิตที่บริสุทธิ์กับคนหลายคนที่เมืองไทยซึ่งฉันแทบจะเอากระชอนร่อนหามันเหมือนว่าว่าร่อนหาทองคำในเหมืองทองก็ปานนั้น



# # #

            ครั้งต่อไป ผมจะไม่ปล่อยให้มุกไปคนเดียวนะ หนีไปมีความสุขอยู่คนเดียว ปล่อยให้ผมคิดถึงแทบบ้า เสียงที่คุ้นเคยในระยะสองสามปีหลังได้ผ่านโทรศัพท์เครื่องเล็กของฉัน
            “มุกต้องไปติวหนังสือก่อนสอบให้นักเรียนของมุกอยู่ที่นั่นพี่ก็รู้ อีกอย่างพี่นพไปอบรมที่ต่างจังหวัดนี่ พี่จะหนีไปกับมุกได้ไง  พี่ก็ต้องรับผิดชอบต่องานรู้ไหม
            และผมก็อยากรับผิดชอบต่อมุก ให้ไม่แพ้กับงานที่ทำเหมือนกัน
            พี่นพ...ผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนปริญญาตรีด้วยกัน เพียงแต่ฉันเรียนภาษาไทย แต่พี่นพเรียนวิชาเอกสังคมศึกษา การเรียนในภาคครุศาสตร์ด้วยกันทำให้เราได้พบและคุ้นเคยกัน

# # #
            มุก...มองดูแม่น้ำเซที่ถูกแม่น้ำโขงกลืนเพื่อจะประสานเป็นสายแม่น้ำเดียวกันสิ ... พอมันไหลไปได้สักระยะ ความแตกต่างของแม่น้ำทั้งสองก็ไม่ปรากฏให้เห็น ชายวัยกลางคนรุ่นพี่พูดพลางบ่ายมือเพื่อเป็นสื่อนำสายตาของฉันให้มองดูสายน้ำโขงที่ไหลเอื่อยผ่านจุดชุมวิวข้างถนนภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อที่มีพื้นที่ล่วงล้ำแหลมแทงทะลุเข้าไปจนเกือบจะถึงกึ่งกลางลำตัวจนมองดูเห็นบิดเบี้ยว
            พี่หวังว่าการมาที่ปากเซกับมุกครั้งนี้ คงทำให้มุกมีความสุข มีอิสรภาพที่ตัดขาดจากการติดต่อใดๆจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง...อย่างน้อยที่นี่โทรศัพท์ทุกระบบจากเมืองไทยของเราก็ไม่สามารถโทรข้ามเขตมาที่ปากเซนี้ไม่ได้แม้แต่ครึ่งคลื่น การพักผ่อนสี่ห้าวันที่เราจะอยู่ที่นี่ จะทำให้มุกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และมีความสุขที่สุด โดยเฉพาะการเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวปากเซ การไปเที่ยวซื้อของที่ตลาดดาวเรือง การปั่นจักรยาน รอบเมืองเพื่อไปกิน เฝ๋อหรือก๋วยเตี๋ยวกินข้างทาง พี่นพพูดไปเรื่อยเหมือนว่าจะชักชวนฉันให้ออกจากความเหงาที่เป็นเพื่อนจนเหมือนจะสนิทสนมยิ่งกว่าผู้ใด
            พี่รู้ไหม???...มุก...เหมือนกับมุกได้หลุดออกจากโลกหนึ่งมายังอีกโลกหนึ่งที่ตัดขาดจากพันธะทุกเส้นทุกสาย...ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะต้องห่วง  ไม่มีอะไรที่จะต้องพะวง หรือแม้แต่การแคร์ต่อทุกสิ่ง ทุกอย่าง...พี่รู้ไหม???  ว่ามุกรักและแคร์ที่สุดคือใครบ้าง ฉันถามผู้ชายที่กำลังโอบกอดฉันจากด้านหลังปานว่ากลัวฉันจะหายและล่องลอยเคว้างคว้างไปกับสายน้ำที่มีแต่จะไหลลาลับ...ไม่กลับคืน...
ความอบอุ่นจากพี่นพคนนี้ได้เข้าแทรกซึมหัวใจของฉัน เมื่อครั้งที่พ่อของน้องต้นและน้องกร ลูกชายอันเป็นที่รักได้ทิ้งฉันไปอย่างไม่มีเยื่อใย หรือแม้แต่ความอาทรสักนิดเดียว...คู่ชีวิตใหม่ของเขา...อาจจะทำให้ชีวิตเขาสมบูรณ์กว่าฉันและลูกๆที่เขาเคยบอกว่ารักสุดหัวใจและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาจวบจะยี่สิบปี
            มุก... พี่นพพูดเบาๆเหมือนปลุกฉันตื่นออกจากภวังค์ของรอยบาดแผลในหัวใจที่ทิ้งไว้เพียงรางๆ
            มุก...สัญญากับพี่นะว่าจากนี้จนสิ้นใจ มุกจะให้โอกาสพี่ดูแลมุกและลูกๆ พี่นพเอื้อนเล็กน้อย พลางเพิ่มแรงของอ้อมกอดให้ฉันแนบสนิทยิ่งขึ้น แม่น้ำโขง แม้จะลดลงในฤดูแล้ง แต่มันก็ไม่ลดลงไปกว่านี้   พี่ขอเอาแม่น้ำโขงและแม่น้ำปากเซนี้เป็นพยานว่าพี่จะรักมุกและลูกๆ ตลอดไป
แม่น้ำมูลที่อุบลฯบ้านเราเหมือนกัน แม้มันจะลดลง แต่มันก็ไม่ลดลงไปกว่านี้ มุกก็จะเอาแม่มูลเป็นพยานแทนความรักและหวังดีของมุกที่มีต่อพี่นพเหมือนกัน
 ทุกครั้งที่พี่เห็นแม่น้ำมูล ทุกครั้งที่พี่และมุกมองเห็นแม่น้ำโขง ขอให้มุกรู้ไว้ว่าความรักของพี่ที่มีต่อมุกจะไม่มีวันลดลงเหือดหายไปกว่านี้ เช่นกัน
           
            ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด หลังจากกลั้นมันไว้ในปอดสักชั่วระยะจนเต็มที่ ก่อนที่จะปลดปล่อยอย่างช้าๆ อย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดที่ผูกพันในห้วงวาระเพียงอึดใจนั้น
            น้ำใสวาวแห่งความอิ่มเอิบของไออุ่นเล็ดออกจากดวงตา แต่ทว่ากลับมาจากส่วนลึกของหัวใจ      ที่เศร้าสร้อยและพร่ามัวมาเกือบห้าปี ฉันเอามือที่สั่นสะท้านน้อยๆบีบมือของพี่นพพลางลูบไล้ไปมาระหว่างท่อนแขนอันอบอุ่นกับมืออันหนา...
            ฉันไม่ได้ตอบพี่นพ...แต่หากเขาเอาหัวใจที่แนบสนิทกับฉันในขณะนี้รับรู้...คำตอบที่ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถาม  คำถามที่ฉันไม่ต้องถาม และพี่นพก็ไม่จำเป็นต้องตอบ ฉันสามารถรับรู้ได้จากความรู้สึกของฉันที่พี่นพมอบให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา  มันคงจะเป็นเปลวเทียนอันน้อยที่จะส่องชีวิต ที่มืดมนของฉันให้ได้สว่าง  แม้จะไม่เจิดจรัสแต่ฉันก็เชื่อว่าความมืดทั้งปวงในโลก ก็ไม่อาจที่จะดับสิ้นแสงเทียนเล่มน้อยนี้ลดลงได้
            พี่นพ...คงเป็นได้ไหมที่จะเป็นผู้ลบรอยม่านในกระจกของหัวใจในความรัก ในความรู้สึก ในภวังค์ทั้งหลับแตะตื่นของฉัน และพร้อมที่จะเป็นสารป้องกันสนิมที่มันจะเกิดกับหัวใจของฉันและพร้อมที่จะขจัดมันออกไปจากเศษเสี้ยวของอณูที่เล็กที่สุดของขุมขนในหัวใจของฉัน
            เป็นไปได้ไหมที่พี่นพ...คนที่โอบกอดฉันในขณะนี้ จะเป็นคนสร้างรอยร้าวในหัวใจที่มีแผลเป็นอันเลือนรางให้เด่นชัดอีกครั้ง  หรือพี่นพจะเป็นผู้ทำลายม่านในหัวใจของฉันให้แตกย่อยสลาย เพื่อให้ฉันได้พบกับความสุขที่ฉันและลูกทั้งสองคนปรารถนา...ฉันรู้แต่เพียงว่า...ความรู้ที่ฉันร่ำเรียนมาและตำแหน่งนักวิชาการศึกษาที่ฉันดำรงอยู่ไม่ได้ช่วยในการตอบปัญหาข้อนี้ในหัวใจของฉันแม้เพียงสักนิด

# # #


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น