1. ผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์อีสานบอกว่า
บังเอิญพบในหนังสือข่อยที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ในตำนานเมืองอุบลฯว่า “เมืองอุบลฯนี้โปรดเกล้าฯให้เป็นเมืองอาสาข้าหลวงเดิม
เพราะถ้ามีพระราชสงครามมาติดพันประเทศชาติ เมืองอุบลฯ(พระประทุมฯ)ก็โปรดเกล้าฯให้ติดสอยห้อยตามเสด็จไปปราบทุกครั้งฐานะเป็นประเทศราช
จึงพระราชทานนามเมืองอุบลฯต่อท้ายว่า “เมืองอุบลราชธานี”
ดังกล่าวแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นกรุงเทพฯ ทำส่วยผึ้ง 2 เลกต่อเบี้ย น้ำรัก 2 ขวดต่อเบี้ย ป่าน 2 เลกต่อขอด
2. คุณทอง โรจนวิธาน
เขียนว่า “เจ้าปางคำเจ้าเมืองหนองบัวลุ่มภู มีโอรสองค์หนึ่งชื่อเจ้าพระตา
เจ้าพระตามีโอรสคือเจ้าพระวอ” ในประวัติศาสตร์อีสานกล่าวว่า “เจ้าพระตา เจ้าพระวรราชภักดี(สามัญชนเรียกว่าเจ้าพระวอ)2
คนพี่น้องอันเป็นเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุต
ตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยเชษฐาธิราชที่ 2 (ชัยองค์เว้)อัยกาพระเจ้าศิริบุญสาร...”ทั้งสองเป็นบุตรเจ้าปางคำ
เจ้าเมืองหนองบัวลุ่มภู
3. ที่ว่า “ในปี พ.ศ.2322 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงได้โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาสุภาวดีเชิญท้องตราพระราชสีห์ขึ้นมาตั้งเมืองอุบลฯ
และพระราชทานให้ท้าวคำผงเป็นเจ้าเมืองที่พระปทุมวรราชสุริยวงศ์(คำผง)” นั้น ประวัติศาสตร์อีสานว่า “จุลศักราช 1153 ปีกุน ตรีศก (พ.ศ.2334) เกิดกบฎอ้ายเชียงแก้ว อยู่บ้านเขาโอง
แขวงเมืองสีทันดร...ยกมาล้อมเมืองนครจำปาศักดิ์นั้น
เจ้าหน่อเมืองแสนท้าวพญาที่รักษาเมืองไม่ทันรู้ตัวเตรียมสู้ไม่ทัน
เจ้าหน่อเมืองจึงพร้อมด้วยญาติวงศ์ไปอาศัยอยู่กับข่าพะนัง ความทราบถึง
กรุงเทพมหานคร จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานครราชสีมา
เจ้าเมืองนครราชสีมายกกองทัพไปปราบอ้ายเชียงแก้ว
ซึ่งยกกำลังมาต่อที่แก่งตะนะในลำแม่น้ำมูล(ท้องที่อำเภอบ้านด่านปัจจุบัน)
แต่ยังมิทันที่จะยกไปเมืองพระประทุมฯ(คำผง)บ้านห้วยแจระแม เจ้าฝ่ายหน้าผู้พี่นายกองบ้านสิงห์ท่า
จึงพากันยกกำลังไปตีอ้ายเชียงแก้วแตก
เจ้าฝ่ายหน้าติดตามอ้ายเชียงแก้วจับได้แล้วฆ่าเสีย
อดีกองทัพเจ้าพระยานครราชสีมาไปถึงก็พากันลงไปยังเมืองนครจำปาศักดิ์...
เพื่อเป็นบำเหน็จความดีความชอบครั้งนี้
รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยกฐานะบ้านห้วยแจระแมขึ้นเป็นเมืองอุบลราชธานี ตามนามพระประทุมฯ
และตั้งพระประทุมฯ ดังนี้
เจ้าอุบลราชธานี
ด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว
ผู้ผ่านพิภพกรุงเทพพระมหานครศรีอยุธยา มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้งให้พระประทุมฯ
เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช เศกให้ ณ
วันจันทร์ เดือน 8 แรม 13 ค่ำ จุลศักราช 1154 ปีชวดจัตวาศก”(ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 24 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2546 “ความรู้เพิ่มเติมเมืองอุบลฯ” หน้า 15)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น