วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ปราสาทเขมรในอีสาน

               
(ปราสาทภูปราสาท อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลฯ)
       ปราสาทแบบเขมรในภาคอีสานมีมากมายนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่มีที่ตั้งอยู่แถบอีสานล่างใกล้เทือกเขาพนมดงรักในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ เพราะตรงนั้นคือช่องทางผ่านจากแผ่นดินที่ราบอีสานลงไปสู่ดินแดนเขมรต่ำ เพื่อตรงไปยังศูนย์กลางอำนาจการเมืองและวัฒนธรรมเขมรที่เรียกว่าเมืองพระนคร หรืออังกอร์ (Angkor)ปราสาทแบบเขมรในภาคอีสานนั้นสร้างขึ้นด้วยวัสดุต่าง ๆ หากเป็นปราสาทรุ่นเก่านิยมสร้างด้วยอิฐ    ปราสาทรุ่นถัดมานิยมสร้างด้วยหินทราย  ส่วนปราสาทยุคหลังนิยมสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง แต่เอกลักษณ์ของปราสาทแบบเขมรไม่ว่าจะสร้างด้วยวัสดุใดจะนิยมนำแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสลักลวดลายอย่างงดงามวางไว้บนกรอบประตูทางเข้า  วัตถุตกแต่งปราสาทดังกล่าวนี้รู้กันดีในชื่อว่า ทับหลัง                                                          

                      

            วัฒนธรรมการสร้างปราสาทแบบเขมรในภาคอีสานดำเนินติดต่อกันนานถึงราว 400 ปี  ปราสาทที่มีอายุเก่าสุดที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์คือ ปราสาทภูมิโพน อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มีอายุราว 1,300 ปีก่อน ส่วนปราสาทที่มีการก่อสร้างในกลุ่มท้ายสุดนั้นมีอายุราว 800 ปีก่อน เช่น ปราสาทนางรำ อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา สำหรับปราสาทที่มีขนาดใหญ่โตและงดงาม เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย ปราสาทเมืองต่ำ เป็นปราสาทกลุ่มที่สร้างขึ้นในช่วงกลางของสมัยที่เขมรมีอิทธิพลสูงมาในภูมิภาคอีสานคือเมื่อราว 900 – 1,000 ปีมาแล้ว
            ขนาดของปราสาทยังแตกต่างกันอีก ปราสาทบางแห่งมีขนาดใหญ่โตมหัศจรรย์ เมื่อเห็นแล้วให้รู้สึกเหลือเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย  แต่ปราสาทบางหลังประเภทที่ชาวบ้านเรียกว่ากู่ หรือ กุฏิฤาษี มักมีขนาดเล็กกะทัดรัดน่ารัก เช่น ปรางค์กู่ อำเภอเมืองชัยภูมิ ความเล็กใหญ่ของปราสาทดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ใด



(กำแพงภูโคกหินใหญ่ ในเขตอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) 

            ... ปราสาท กู่ หรือกุฎิฤาษี นับร้อยแห่งในภาคอีสานนั้นคนโบราณเขาสร้างกันไว้เพื่อ...
            ปราสาทกลุ่มแรกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นวัด เป็นวัดเนื่องในศาสนาฮินดูบ้าง เนื่องในศาสนาพุทธบ้าง ที่ทราบได้ดังนั้นก็เพราะจะมีจารึกระบุวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างปราสาทนั้น ๆ รวมทั้งรู้ได้จากการพบรูปเคารพเนื่องในศาสนาดังกล่าว และได้ศึกษาจากลวดลายตกแต่งปราสาท ซึ่งมักจะสลักลวดลายให้สอดคล้องกับคัมภีร์เรื่องราวศาสนาที่ตนนับถือ  ปราสาทแบบเขมรที่เป็นวัดฮินดูสำคัญในภาคอีสานคือ ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทศรีขรภูมิ ที่นั่นได้พบรูปสลักตามหน้าบันบ้าง ทับหลังบ้าง เป็นรูปศิวนาฎราช    อุมามเหศวร (พระศิวะและพระอุมานั่งเคียงคู่กัน) ตกแต่งจึงรู้ได้ว่าเป็นวัดฮินดูและนับถือพระศิวะเป็นใหญ่ (ลัทธิไศวนิกาย) ส่วนปราสาทที่เป็นวัดเนื่องในพุทธศาสนาที่สำคัญคือปราสาทหินพิมาย ที่นี่เป็นวัดพุทธศาสนามหายาน นิกายวัชรยาน กล่าวคือ เป็นวัดสำหรับผู้นับถือพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่เป็นตัวแทนของขัณธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ พระตถาคตแต่ละองค์ยังสามารถปรากฏพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ได้  ที่ปราสาทหินพิมาย ได้พบหลักฐานว่าเป็นวัดพุทธมหายานในนิกายนั้นก็เพราะพบจารึกระบุเช่นนั้น    และที่สำคัญคือพบภาพสลักพระโพธิสัตว์ไตรโลกยวิชัยที่ปรากฏบนทับหลังภายในองค์ปราสาท


            ปราสาทกลุ่มที่สองคือพุทธสถานเพื่อการรักษาโรค นักวิชาการยังเรียกด้วยชื่ออื่น ๆ อีก เช่นเรียกว่า สุขศาลาบ้าง เรีก อโรคยาศาลบ้าง เรียกว่าโรงพยาบาลบ้าง ปราสาทกลุ่มนี้ล้วนสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ครองราชย์ พ..1724 - 1762  มีจารึกของพระองค์ระบุว่าทรงสร้างสถานที่แบบนี้ไว้ 102 แห่งทั่วพระราชอาณาจักร เพื่อให้เป็นที่ประดิษฐานและอุทิศถวายแก่พระพุทธเจ้าผู้รักษาโรคที่มีพระนามว่าพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา พร้อมทั้งจัดให้มีหมอ เจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์ไว้พร้อม ที่ปราสาทตาเมือนโต๊ด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ได้พบจารึกข้อความดังกล่าว จึงเชื่อว่าปราสาทตาเมือนโต๊ดคือตัวอย่างปราสาทสุขศาลาอย่างแท้จริง รูปแบบปราสาทสุขศาลานั้นคือมีปราสาทประธานหนึ่งหลัง อาคารที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมหนึ่งหลัง อาคารทั้งสองมีกำแพงล้อมรอบโดยมีซุ้มประตูทางเข้าหนึ่งช่อง ด้านนอกกำแพงจะมีสระน้ำสี่เหลี่ยมหนึ่งสระ ในภาคอีสานได้พบปราสาทที่มีรูปแบบหลายแห่ง เช่น ปราสาทจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านปราสาท อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น



            ปราสาทกลุ่มที่สามคือที่พักคนเดินทาง หรือมีชื่อว่า ธรรมศาลา สร้างไว้สำหรับให้ผู้จาริกแสวงบุญใช้เป็นที่พักในขณะเดินทาง มีจารึกระบุตามเส้นทางจากเมืองพระนครมายังเมืองพิมายนั้นพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้สร้างที่พักคนเดินทางไว้ 17 แห่ง อยู่ในเขตประเทศไทย 7 แห่ง ...เป็นอาคารทรงปราสาทที่มีห้องยาวเชื่อมต่อกันโดยให้พื้นที่ในห้องส่วนที่เป็นปราสาทนั้นเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพและสวดมนต์ ส่วนพื้นที่ห้องยาวโล่งนั้นใช้เป็นที่พัก ปราสาทตาเมือนที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มีผังใกล้เคียงกับรูปแบบธรรมศาลาในเขมร... ฉะนั้นตัวอย่างของปราสาทแบบเขมรที่เรียกว่าที่พักคนเดินทางที่ดีในภาคอีสานนั้นคือ ปราสาทตาเมือน (ภูธร  ภูมะทน. 2543,156-157) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น